วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

หัวขโมยแห่งบารามอส ตอนพิเศษ 6 พ่อมดปีศาจแห่งคาโนวาล [ NC 25+]

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ทวิตเตอร์ @Bam_Bam1A

ขอออกตัวไว้ก่อนนะคะว่าตอนนี้มีเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรง ใครที่รับไม่ได้กดออกไปตอนนี้ยังทันนะ แต่ถ้าเลือกที่จะอ่านแล้วจะมาว่าทีหลังไม่ได้น้าาาาา enjoy ค่า

            และแล้วเทศกาลแห่งการปิดเทอมก็วนเวียนมาบรรจบอีกหนึ่งครั้ง เฟรินเรียนจบชั้นปีที่สามมาด้วยความเหนื่อยยากลำบาก(ของคาโลและเพื่อนๆ) เธอจึงมีความภาคภูมิใจและปริ่มเปรมเป็นหนักหนาที่จะได้ใช้เวลาในวันหยุดอย่างเต็มอิ่มเสียที ร่างบางนอนแผ่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสนามหลังปราสาทเอดินเบิร์ก ขาเรียวไขว้กันแล้วกระดิกยิกๆอย่างสบายอารมณ์ เปลือกตาสวยหลับพริ้มรับลมเอื่อยๆที่พัดผ่านมาเป็นระยะ เสียงนกร้องและกระรอกที่วิ่งอยู่บนต้นไม้ถูกดึงความสนใจไปด้วยเสียงสวบๆของรองเท้าที่กระทบพื้นหญ้า เฟรินลืมตาขึ้นเพื่อมองหาว่าใครที่กำลังเดินมาทางนี้ก็พบว่าเป็นร่างสูงของเจ้าชายน้ำแข็งของเธอนี่เอง รอยยิ้มประดับขึ้นบนริมฝีปากสวยเมื่อคิดหาเรื่องแกล้งคาโลออก เฟรินรีบหลับตาลงอีกครั้งเมื่อคาโลเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะสัมผัสได้ถึงร่างสูงที่นั่งลงบนพื้นหญ้าข้างๆตัว
            "เฟริน" เสียงเรียกที่ดังขึ้นไม่ทำให้เจ้าตัวขยับเขยื้อนได้ เฟรินยังคงแกล้งหลับต่อไปเพื่อจะดูว่าคาโลจะทำยังไงต่อ
            "เฟรินฉันรู้ว่าเธอไม่ได้หลับ" ถึงแม้คาโลจะรู้ทันแผนแต่นั่นก็ยังไม่ทำให้สาวน้อยเลิกแกล้ง เมื่อไร้เสียงตอบรับจากหญิงสาวคาโลจึงพูดต่อทันทีเพราะรู้ว่ายังไงแม่ตัวดีก็ต้องฟังอยู่แน่ๆ
            "ฉันจะกลับคาโนวาล เธอจะไปกับฉันไหม" คำชวนกระทันหันเรียกให้หัวขโมยตัวดีต้องลืมตาโพลง ร่างเล็กกำลังจะกระเด้งตัวลุกขึ้นด้วยอารามตกใจจึงไม่ทันได้ดูว่าเบื้องหน้าเธอมีใบหน้าของเจ้าชายคนเก่งที่ยื่นเข้ามาจนเกือบชิด ปากอิ่มประกบเข้ากับประหยักโดยไม่ตั้งใจเรียกให้ดวงตากลมโตสีน้ำตาลต้องเบิกโพลง แววขบขันหายากปรากฏขึ้นในดวงตาสีฟ้าของเจ้าชายน้ำแข็งที่สามารถเอาคืนแม่ตัวดีได้สำเร็จ ปากหยักย้ำจูบลงบนริมฝีปากอิ่มหนึ่งครั้งก่อนจะผละออกแล้วลุกขึ้นยืน
            "ถ้าอยากไปก็ตามมา" กล่าวจบก็ก้าวเดินออกไปทันทีทิ้งให้สาวน้อยที่ยังตื่นตะลึงกับจูบเมื่อครู่ต้องกะพริบตาปริบๆก่อนจะตั้งสติได้แล้วรีบวิ่งตามร่างสูงไป
            "เดี๋ยวสิไอ้ก้อนน้ำแข็งบ้า! รอฉันด้วยยยยยยยยยย!"

            เกวียนเล่มใหญ่ดูหรูหราประทับตราราชวงศ์คาโนวาลที่แล่นไปบนทางที่ทอดยาวสู่ปราสาทคาโนวาลเรียกให้ประชาชนทุกคนต้องแหวกทางให้ก่อนจะค้อมคำนับแสดงความเคารพ เฟรินเพิ่งจะรับรู้ได้ถึงความเป็นเจ้าชายของคนที่นั่งอยู่ข้างๆกันก็วันนี้ ประชาชนที่รายล้อมอยู่สองข้างทางต่างแสดงความเคารพและส่งเสียงร้องถวายพระพรไม่ขาดสายทำให้เฟรินอดที่จะรู้สึกภูมิใจในตัวเจ้าชายของเธอไม่ได้ แต่ด้วยความเขินจึงต้องหาเรื่องอื่นมาคุยเพื่อคลายความอึดอัด
            "เอ่อ....ทำไมนายถึงไม่ชวนคิลมาด้วยล่ะ"
            "ก็เพราะคิลไม่ใช่ว่าที่พระชายาแห่งคาโนวาลน่ะสิ" แทนที่จะคลายความขัดเขิน คำตอบของเจ้าชายคนสำคัญกลับยิ่งทำให้สาวน้อยเขินอายมากขึ้นไปอีก 
            "มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนั้นด้วยเล่า"
            "เกี่ยวสิ เพราะครั้งนี้ ที่ฉันพาเธอมาแค่คนเดียวก็เพื่อให้มาฝากเนื้อฝากตัวกับผู้หลักผู้ใหญ่เอาไว้ มันเป็นธรรมเนียมของคนที่จะมาเป็นชายาของคาโนวาล" คำอธิบายของเจ้าชายแห่งคาโนวาลเรียกให้แก้มนวลของว่าที่พระชายาขึ้นสีแดงปลั่ง ใบหน้าหวานทำเป็นเมินมองออกไปนอกหน้าต่างเพราะไม่อยากสบตาพราวระยับของร่างสูง
             เกวียนคันงามแล่นขึ้นไปตามทางที่นำขึ้นไปยังตัวปราสาทสีดำที่ทั้งดูลึกลับและสง่างามในคราเดียวกัน แสงไฟที่ลอดออกมาจากหน้าต่างทำให้ตัวปราสาทไม่ดูน่ากลัวจนเกินไปนัก เสียงกีบม้าค่อยๆผ่อนเบาลงก่อนเกวียนจะหยุดลงที่หน้าประตูปราสาทพอดิบพอดี ทหารองครักษ์วิ่งมารับเสด็จเจ้าชายอย่างกระตือรือร้น คาโลก้าวลงจากเกวียนก่อนจะยื่นมือกลับมาเป็นทำนองให้เฟรินจับ สาวน้อยที่ไม่ค่อยคุ้นชินกับพิธีรีตองอะไรแบบนี้ค่อยๆประทับมือเรียวลงบนฝ่ามือใหญ่ก่อนจะก้าวลงมาจากเกวียน นางสนองพระโอษฎ์สองคนวิ่งเข้ามารับสัมภาระจากเกวียนที่องครักษ์เป็นคนนำออกมาให้ก่อนจะวิ่งขึ้นตัวปราสาทไป 
             เฟรินก้าวขึ้นบันไดตามคาโลไปก็พบกับห้องโถงใหญ่ที่ดูโออ่าแต่เรียบหรู ภายในประดับด้วยสีขาวและสีทองตัดกับตัวปราสาทภายนอกอย่างลิบลับ คาโลเดินนำไปเรื่อยๆตามทางเดินที่ทอดยาว สองข้างฝาผนังประดับประดาไปด้วยภาพบุรุษสวมชุดนักรบ ในมือถือดาบและสวมมงกุฏไว้ 
            "นั่นคือกษัตริย์องค์ก่อนๆของคาโนวาล ทุกท่านล้วนเป็นนักรบที่ห้าวหาญ พ่อฉันก็เช่นกัน" สาวน้อยกลืนน้ำลายเอื๊อกเมื่อทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ มือของคาโลจับอยู่ที่ลูกบิดประตูก่อนจะหันมาถามความพร้อมของหญิงสาว
             "พร้อมมั้ย" คำถามที่เธอเองก็ยังไม่แน่ใจนัก ถึงแม้จะเคยเจอและพูดคุยกับคิงบาโรพ่อของคาโลมาแล้วแต่มันก็ยังอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เพราะครั้งนี้เธอกลับมาในฐานะใหม่ ฐานะลูกสะใภ้.......ร่างบางสูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกหนึ่งครั้งก่อนจะพยักหน้าให้ร่างสูงที่เคาะประตูบานใหญ่สามครั้งก่อนจะเปิดเข้าไปทันที

            คิงบาโรในวันนี้ดูแตกต่างจากภาพที่เธอเคยเห็นนัก แว่นตาถูกสวมบนใบหน้าที่กำลังก้มลงอ่านหนังสือที่ตั้งไว้บนโต๊ะ เสื้อผ้าที่ใส่ดูสง่างามแต่ก็ดูสบายๆไปในตัว  คิงแห่งคาโนวาลค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาก่อนจะแย้มพระสรวลบางๆทำให้ใบหน้าที่มีรอยบากนั้นดูดีขึ้นจนเกือบจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อครั้งยังเยาว์
           "มาแล้วหรอคาโล เฟลิโอนา" พระพักตร์หันไปทางบุตรชายก่อนจะหันมาหาเจ้าหญิงแห่งบารามอสเจ้าของชื่อ ดวงตาสีฟ้าสีเดียวกับพระโอรสพินิจไปทั่วใบหน้าของสาวน้อยที่ตอนนี้ยืนตัวเกร็งจนเห็นได้ชัด
           "เดินทางมาตั้งหลายวัน พวกเธอคงจะเหนื่อยกันมาก วันนี้ไปพักผ่อนเถอะ ฉันให้คนจัดห้องพักไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันก็ได้ เรายังอยู่ด้วยกันอีกหลายวัน"
           "ถ้าอย่างนั้น พวกหม่อมฉันขอทูลลาพะยะค่ะ ท่านพ่อ" กล่าวจบคาโลและเฟรินก็โค้งคำนับคิงบาโรก่อนจะเดินถอยออกจากห้องไป
           "ฟุ่ววววววววว นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว" เฟรินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ทันทีที่ออกมากจากห้องเรียกสายตาเอ็นดูจากคาโลให้มองมาที่เธอ ชายหนุ่มอมยิ้มก่อนจะเอ่ยขำๆ
           "จะกลัวอะไรพ่อฉันขนาดนั้น พ่อเธอเป็นถึงจ้าวปีศาจแห่งเดมอสเลยนะ จะมากลัวอะไรกะอีแค่คิงเล็กๆของเอเดน"
            "ชู่วววววววววว เบาๆสิ แกพูดอย่างนี้ขืนพ่อแกมาได้ยินเข้าแล้วเอาดาบมาฟันคอฉันก็ได้ตายกันพอดี" คำพูดเกินจริงของเจ้าหัวขโมยตัวดีเรียกรอยยิ้มให้ประทับบนใบหน้าของเจ้าชายแห่งคาโนวาลผู้เคร่งขรึม ทำเอานางสนองพระโอษฎ์แปลกใจไปตามๆกัน ปกติเจ้าชายคาโลเป็นคนยิ้มยาก แต่นี่แค่เพียงผู้หญิงคนนี้พูดเล่นหน่อยเดียวเจ้าชายของพวกเธอก็ยิ้มออกแล้ว สงสัยข่าวลือคงจะไม่ผิดที่ว่าการกลับมาของเจ้าชายพร้อมกับเจ้าหญิงแห่งบารามอสท่านนี้จะไม่ใช่เพียงแค่การมาเที่ยวเล่นอย่างเพื่อนปกติทั่วไปแน่
             "พวกหม่อมฉันเตรียมห้องบรรทมให้เจ้าชายแล้วเพคะ ส่วนท่าน ตามข้ามาเถอะค่ะ ข้าได้จัดเตรียมห้องพักไว้รับรองแล้วเช่นกัน" ประโยคแรกกล่าวกับคาโลก่อนจะเบือนหน้ามาหาเฟรินในประโยคหลัง นางสนองพระโอษฎ์เดินนำเฟรินกลับไปยังโถงทางเข้าก่อนจะพาขึ้นบันไดไปยังชั้นบน
             ห้องพักรับรองที่คาโนวาลจัดให้แก่ว่าที่พระชายาของเจ้าชายนั้นหรูหราสมฐานะทีเดียว ห้องทั้งห้องตกแต่งด้วยสีขาวและสีทองดูเรียบหรู เตียงกว้างสีเสาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องถูกประดับด้วยกลีบดอกไม้นานาชนิดที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว เฟรินค่อยๆเดินไปนั่งที่ปลายเตียงก่อนจะตบเบาๆบนที่นอนเพื่อให้กลีบดอกไม้กระจายตัวออก กลิ่นหอมที่ฟุ้งขึ้นมาทำให้เธอต้องสูดหายใจเข้าไปลึกๆเพื่อสูดกลิ่นนั้น
            "ถ้าท่านมีอะไรจะให้รับใช้ก็เรียกหาข้าได้เสมอนะคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้..."
            "เดี๋ยว! ข้ามีเรื่องบางอย่างอยากถาม" เสียงเรียกที่ขัดขึ้นเรียกให้สาวใช้ชะงักขาที่กำลังจะก้าวเดินออกจากห้องหันกลับมารับฟังเจ้าหญิงคนสำคัญด้วยคิดว่ามีเรื่องสำคัญจะปรึกษา
             "คลังสุราหลวงอยู่ตรงไหนหรอ?" คำถามที่ไม่ควรจะหลุดออกมาจากปากของหญิงสาวเรียกให้คิ้วของสาวใช้ต้องขมวดมุ่น แต่ถึงแม้จะสงสัยแต่ก็พยายามคิดในแง่ดีไว้ก่อน บางทีเธออาจจะแค่อยากรู้เฉยๆ ไม่ได้อยากจะดื่มสุราจริงๆหรอก
             "อยู่ทางหอคอยทิศตะวันตก ท่านถามทำไมหรือคะ?"
             "พาไปหน่อยสิ ข้าอยากกินเหล้า!" คำตอบของเจ้าหญิงคนงามทำลายความพยายามในการคิดบวกของเธอจนหมดสิ้น..........


              "คาโลลลลลลลล หลับรึยังเปิดประตูให้ฉันหน่อยยยยยยย" เสียงเคาะประตูบวกกับเสียงตะโกนเรียกของแม่ตัวดีเรียกให้เจ้าชายคาโลที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จต้องขมวดคิ้วมุ่น ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังมีอะไรอีก ร่างสูงเดินไปหยุดหน้าประตูก่อนจะปลดล็อกแล้วเปิดบานประตูออกก็พบกับร่างของเจ้าหัวขโมยตัวดีที่ยืนยิ้มแฉ่งให้เขาอยู่
              "ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอนอีก" เสียงดุๆของเจ้าชายน้ำแข็งไม่อาจทำให้ความกระตือรือร้นของเธอลดลงได้ แต่กลับกันทนางสนองพระโอษฎ์ที่เป็นคนพาเธอมาหาคาโลตอนนี้กลับเริ่มกลัวจนตัวลีบ เฟรินยกขวดเหล้าขวดใหญ่ขึ้นมาชูไว้ตรงหน้าก่อนจะเอ่ยอย่างยินดี
               "กินเหล้ากันเถอะ ฉลองที่นายได้กลับบ้านไง!" วัตถุในมือของหญิงสาวเรียกให้คิ้วหนาต้องพันกันเป็นปม 
               "เธอไปเอาเหล้ามาจากไหน"
               "ก็จากคลังสุราหลวงไง หูยยยคาโนวาลนี่ก็มีเหล้าดีมากมายไม่แพ้เวนอลเลยนะ ดูอย่างขวดนี้สิ หมักมาตั้งเกือบร้อยปีเชียว ของดีอย่างนี้จะพลาดได้ไงจริงมะ" เจ้าตัวดียังคงพูดไปพลางยิ้มระรื่นโดยหารู้ไม่ว่ากำลังสร้างความเดือดร้อนให้แก่สาวใช้ที่พาตนไปเสียแล้ว นัยน์ตาดุๆสีฟ้าตวัดไปมองยังนางสนองพระโอษฎ์ทำให้นางต้องรีบละล่ำละลักตอบออกมา
                "คือเจ้าหญิงเฟลิโอน่ายืนยันว่าจะไปคลังสุราหลวงให้ได้น่ะเพคะ หม่อมฉันไม่รู้จะห้ามยังไง ก็เลย......"
                "ช่างเถอะ เจ้ากลับไปพักผ่อนได้แล้ว เดี๋ยวทางนี้ข้าจัดการเอง" คาโลกล่าวแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆหนึ่งครั้งก่อนจะดึงตัวแม่ตัวดีให้เข้าไปในห้องของตน

           เฟรินวิ่งไปยังเบาะนั่งยาวที่ตั้งอยู่ใกล้ๆเตียงแล้วทิ้งตัวลงนั่งทันที มือเรียวค่อยๆเปิดฝาขวดสุราชั้นดีอย่างใจเย็นราวกับกลัวจะทำมันหก ปากอิ่มค่อยๆจรดเข้ากับปากขวดก่อนจะกระดกเข้าไปอึกหนึ่ง เปลือกตาสวยหลับพริ้มราวกับกำลังมีความสุขสุดยอด ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มออกก่อนจะใช้ลิ้นไล้เลียทั่วขอบปากเพื่อเก็บทุกหยาดหยดของสุรา
            "อื้มมมมมมมม รสชาติดีไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์หมักไว้ตั้งเกือบร้อยปี ว่าแต่นายล่ะ ไม่เอาบ้างหรอ" กล่าวจบก็ยื่นไปตรงหน้าของเจ้าชายคาโลที่เดินมานั่งอยู่ข้างๆ แต่คาโลก็ได้แต่เมินหน้าไปอีกทางเป็นการปฏิเสธเท่านั้น
           "ทำไมล่ะ! นี่ของดีๆทั้งนั้นนะ แล้วฉันก็ไม่อยากกินคนเดียวด้วย นายกินเป็นเพื่อนฉันหน่อยสินะๆๆๆๆๆๆๆ"พูดพลางก็เขย่าแขนแกร่งไปพลางแต่คาโลก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อน
          "ไม่!" 
           "ทำไมล่ะ! หรือว่า.......นายมีความลับอะไรปิดบังฉันอยู่ใช่มะ! นายคงกลัวว่าถ้ากินเหล้าแล้วจะเผลอพูดความลับออกมาล่ะสิ!" คำกล่าวของหัวขโมยจอมดื้อเรียกให้คาโลต้องหันกลับมาจ้องหน้าเธอเขม็ง ใช่ จริงๆแล้วเขามีความลับที่อยากจะซ่อนเอาไว้ และถ้าหากดื่มเหล้าเข้าไปความลับนี้จะต้องเปิดเผยออกมาแน่ๆ นัยน์ตาสีฟ้าและสีน้ำตาลแข่งกันจ้องอย่างไม่กระพริบจนในที่สุดคาโลก็ใจอ่อนยอมเป็นฝ่ายแพ้ไปก่อน ร่าสูงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะคว้าขวดเหล้าในมือของหญิงสาวมากระดกเข้าปาก
          เฟรินยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าคาโลยอมกินเหล้าเป็นเพื่อนเธอแล้ว มือเล็กคว้าขวดเหล้ากลับมาดื่มอีกอึกใหญ่ก่อนจะส่งกลับไปให้คาโลอีกครั้ง
         "พอแล้ว" 
         "พอได้ไง นายเพิ่งกินไปนิดเดียวเอง กินเหล้าแล้วไม่เมาจะกินไปทำไมกัน" คำกล่าวของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มปวดหัวตุบ คาโลส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนจะรับขวดเหล้ามาดื่มอีกอึกใหญ่ 'ถ้าฉันเมาขึ้นมาจริงๆ คนที่เดือดร้อนจะเป็นเธอเองนั่นแหละ เฟริน'
       ทั้งสองผลัดกันดื่มเหล้าอึกแล้วอึกเล่า แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยได้ดื่มบ่อยๆจึงทำให้คาโลเริ่มเมาก่อน แก้มขาวเริ่มขึ้นสีระเรื่อเรียกให้เฟรินตัองอมยิ้มขำความคออ่อนของเจ้าชายคนเก่ง
        "เธอรู้มั้ย ครั้งล่าสุดที่ฉันเมา ต้องใช้ผู้หญิงตั้งสามคนกว่าจะหยุดฉันได้" คำกล่าวของคาโลทำให้เฟรินรู้สึกสับสน 
         "หยุดหรอ? หมายความว่ายังไง" คาโลไม่ตอบแต่กลับดื่มเหล้าที่เหลือเข้าไปจนหมดขวดก่อนจะโยนขวดไปที่ข้างห้องทิ้งให้มันแตกกระจายอยู่ตรงนั้น เมื่อเริ่มเมาหนักขึ้น คาโลก็เริ่มอยู่ไม่สุข มือไม้เลื้อยไปเรื่อยบนร่างกายของสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ จมูกโด่งซุกไซร้อยู่ที่ซอกคอขาวแล้วพ่นลมหายใจหนักๆผสมกลิ่นแอลกอฮอล์ออกมารดต้นคอให้ร่างบางขนลุกซู่เบาๆ
           "คาโล นายเมาแล้วใช่มั้ยเนี่ยยยยยย หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!" กล่าวพลางก็พยายามดึงมือที่เกาะแกะตนเองออกพร้อมทั้งพยายามดันดวงหน้ารูปสลักออกไปจากตัวแต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ มือแกร่งที่เคยเกาะแกะบัดนี้เปลี่ยนมาเป็นบีบต้นแขนเธอไว้แน่น ใบหน้าคมยังคงก้มลงประทับรอยจูบไปเรื่อยๆทั่วซอกคอและเนินอกอิ่มจนเป็นรอยแดงไปหมด เฟรินพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากมือแกร่งแต่ยิ่งดิ้นคาโลก็ยิ่งบีบแขนเธอแรงขึ้นจนสาวน้อยรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งแขน เฟรินเริ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เพราะโดยปกติแล้วคาโลไม่เคยใช้ความรุนแรงกับเธอเลย ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทะนุถนอมเธอมากนักแต่ก็ไม่เคยทำให้เธอต้องเจ็บตัวขนาดนี้ หรือว่านี่จะเป็นเหตุผลที่คาโลไม่อยากดื่มเหล้า เพราะเมื่อดื่มแล้วเขาจะเปลี่ยนเป็นคนละคนแบบนี้น่ะหรือ?
            "คาโล ตั้งสติให้ดีๆสิ นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ นี่ฉันเฟรินไง คนรักของนายน่ะ จำไม่ได้หรอ?" ดวงตากลมโตสีน้ำตาลพยายามจ้องมองอย่างเว้าวอนเข้าไปในนัยน์ตาสีฟ้าของเจ้าชายน้ำแข็งที่บัดนี้ดูจะไม่มีสติรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว คาโลไม่มีแววรับรู้ในดวงตาเลยสักนิดว่าคนตรงหน้าของเขาคือใคร ดวงตาสีฟ้าแข็งกร้าวขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่าเหยื่อกำลังพยายามต่อต้านจึงอุ้มเฟรินขึ้นจนลอยหวือแล้วทิ้งโครมลงบนเตียงอย่างไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บ โซ่ตรวนน้ำแข็งที่เกิดจากพลังเวทย์ของเจ้าชายน้ำแข็งเลื้อยเข้าพันธนาการมือและเท้าทั้งสองข้างของหญิงสาวแล้วจับขึงเข้ากับหัวและปลายเตียงยังความตกใจให้เกิดแก่ร่างเล็กที่พยายามดิ้นหนีเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ สะเก็ดน้ำแข็งถูกปล่อยออกมาจากมือหนาพุ่งตรงมาที่ร่างบางทำให้เฟรินต้อรีบหลับตาปี๋ เธอรู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัวเมื่อเสื้อผ้าที่เคยสวมใส่ขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดีอีกทั้งยังรู้สึกแสบนิดๆเพราะสะเก็ดน้ำแข็งที่เฉี่ยวผิวเนื้อบางจนเลือดไหลซิบประปรายไปทั่วร่าง  เธอค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะมองไปยังปลายเตียงยังที่ที่คนรักของเธอยืนอยู่ แต่บุคคลที่เห็นกลับกลายเป็นพ่อมดปีศาจแห่งคาโนวาล แววตาของชายหนุ่มดูว่างเปล่าและเย็นเยียบ กลิ่นไอเวทมนตร์และความอำมหิตแผ่กระจายออกมาจากร่างสูงอย่างเห็นได้ชัด พลันสายตาที่ว่างเปล่ากลับแปรเปลี่ยนเป็นแววตาหื่นกระหายที่ใช้โลมเลียไปทั่วร่างอรชรที่ถูกพันธนาการอยู่ ร่างใหญ่ค่อยๆเยื้องย่างขึ้นมาบนเตียงราวกับราชสีห์ที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ ร่างเล็กบนเตียงตัวสั่นเทาราวลูกกวางน้อยที่กำลังจะถูกขย้ำ นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตบัดนี้เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว หวาดกลัวคนตรงหน้าที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน คนๆนี้ไม่ใช่เจ้าชายแห่งคาโนวาลที่เธอเคยรู้จัก 
แต่เขาคือชายแปลกหน้าที่กำลังจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ
               "คาโล อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฮึก ฉะ ฉันกลัวแล้ว"ร่างบางอ้อนวอนด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตารินไหลลงมาราวทำนบแตก แต่นั่นไม่ได้ทำให้บุรุษตรงหน้าใจอ่อนลงเลยสักนิด ตรงกันข้าม น้ำตาของเธอกลับยิ้งกระตุ้นเร้าความต้องการของเขาให้โผนทะยานขึ้น เขาอยากทำให้เธอเจ็บ ร้องไห้ แล้วก็ครวญครางมากกว่านี้อีก รอยยิ้มซาตานปรากฏขึ้นบนเรียวปากของพ่อมดแห่งคาโนวาลเรียกให้ใจของสาวน้อยกระตุกวูบ
               "กลัวงั้นหรอ? นี่น่ะ มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นเองนะ แต่ต่อจากนี้ไปคือของจริง!" กล่าวจบปากหยักก็ฉกลงมาช่วงชิงจูบจากริมฝีปากหวานทันที คาโลบดขยี้ริมฝีปากอิ่มอย่างรุนแรงจนปากอิ่มบวมแดงและเริ่มมีเลือดซิบ ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปในโพรงปากอุ่นอย่างจาบจ้วงก่อนจะเกี่ยวกระหวัดและดูดดุนลิ้นเล็กที่พยายามถอยหนีสุดกำลัง มือหยาบบีบเคล้นทรวงอกอิ่มอย่างเมามันราวกับต้องการจะขยี้ให้แหลกคามือทำให้เฟรินต้องส่งเสียงครางประท้วง แต่เสียงก็เล็ดลอดออกมาได้เพียงน้อยนิดเพราะบทจูบอันเร่าร้อนที่ยังไม่ยอมจบลงง่ายๆ หญิงสาวรู้สึกราวกับกำลังจะขาดอากาศหายใจแต่ในที่สุดคาโลก็ยอมผละใบหน้าออกมาเพื่อให้เธอได้หอบอากาศเข้าปอดอีกครั้ง
                คาโลค่อยๆปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนเองออกอย่างใจเย็นราวกับต้องการจะข่มขวัญให้เหยื่อกลัว เขาโยนเสื้อผ้าทั้งหมดทิ้งไปข้างๆก่อนจะยกสะโพกอิ่มเข้ามาใกล้อย่างกระทันหันทำให้เฟรินต้องสะดุ้งเฮือก มือใหญ่จับแก่นกลางกายจ่อเข้าที่ปากทางสีหวานก่อนจะกระแทกเข้าไปจนสุดโดยมิได้มีการเตรียมความพร้อมให้แก่หญิงสาวก่อนเรียกความเจ็บปวดให้บังเกิดแก่ร่างบางจนต้องนิ่วหน้า สะโพกหนาเริ่มขยับทันทีโดยไม่สนใจว่าคนใต้ร่างจะพร้อมหรือไม่ กระแทกกระทั้นยัดเยียดตัวตนเข้าไปจนสุดก่อนจะดึงออกจนเกือบหลุดแล้วใส่เข้าไปอีกครั้ง ความรุนแรงในครั้งแรกเทียบไม่ได้เลยกับในครั้งนี้ ร่างกายของหญิงสาวเจ็บปวดราวกับจะฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ น้ำตาไหลนองหน้าลงไปอาบหมอนเป็นดวงกว้าง ทุกครั้งที่ร่างหนากระแทกเข้ามามันทำให้เธอจุกจนพูดไม่ออกได้แต่ส่งเสียงครางราวจะขาดใจให้คนบนร่างยิ่งได้ใจที่ได้เห็นเธอเจ็บปวด
                "ร้องอีกสิ ร้องดังๆ ยิ่งเธอร้องดังเท่าไหร่ฉันก็จะกระแทกแรงขึ้นเท่านั้น" กล่าวจบก็ยกสะโพกสวยขึ้นจนลอยอยู่เหนือเตียงแล้วรั้งกระแทกเข้าหาตนเองอย่างรัวเร็ว ร่างบางพยายามกลั้นเสียงครางไม่ให้เล็ดรอดออกมาด้วยการกัดริมฝีปากอวบอิ่มของตนจนเลือดซิบ มือเรียวจับสายโซ่แน่นจนเป็นรอยแดงไปทั่ว เมื่อเห็นว่าสาวน้อยพยายามกลั้นเสียงร้องก็ทำให้อารมณ์ของชายหนุ่มเริ่มคุกรุ่นขึ้น มือใหญ่กระชากโซ่ที่พันธนาการข้อเท้าทั้งสองของหญิงสาวออก แรงกระชากทำให้ข้อเท้าของเธอเกิดรอยแดงจัดเป็นปื้นใหญ่ ร่างสูงชันเข่าขึ้นแล้วรั้งสะโพกบางเข้ามาหาตนอย่างรุนแรง ท่านั่งที่สูงขึ้นทำให้ทั้งร่างของหญิงสาวลอยขึ้นเหนือเตียงโดยมีแค่โซ่ที่พันข้อมือรั้งไว้เท่านั้น ตัวตนของชายหนุ่มที่สอดลึกและรัวเร็วขึ้นทุกครั้งทำให้หญิงสาวเสียวกระสันจนจะบ้า เผลอหลุดเสียงครางหวานออกมาอย่างไม่อาจต้านทานไหวได้อีกต่อไป
                 "อ๊าาาาาาาาา คาโลลลลลลล อึกกกก ฉัน ไม่ไหวแล้วววว มัน ระ เร็วไปแล้ว" เสียงครวญครางของหญิงสาวเรียกรอยยิ้มให้ประดับขึ้นบนดวงหน้าของซาตาน มือแกร่งกระชับแน่นเข้าที่สะโพกอิ่มก่อนจะโหมกระหน่ำเข้าหาหญิงสาวราวกับพายุ ความเสียวซ่านทำให้ร่างบางตอดรัดตัวตนของชายหนุ่มถี่ยิบจนในที่สุดคาโลก็ปลดปล่อยออกมาจนล้นแล้วปล่อยร่างเล็กลงกระแทกกับเตียงอย่างไม่ไยดี ร่างบางนอนหอบหายใจรวยรินปากทางรักมีของเหลวสีขาวขุ่นไหลออกมาจนเปรอะเปื้อนเรียวขาเนียนและผ้าปูที่นอนดูน่าเวทนายิ่งนัก แต่ในสายตาของพ่อมดปีศาจแห่งคาโนวาลมันกลับเป็นภาพที่สวยงามจับจิต 
                 คาโลร่ายมนตร์เพื่อให้โซ่น้ำแข็งที่พันธนาการข้อมือของร่างบางอยู่หายไป แต่ทันทีที่หลุดพ้นจากพันธนาการเฟรินก็พุ่งกระโจนลงจากเตียง เธอพยายามจะวิ่งไปที่ประตูแต่แล้วก็ต้องสะดุดหกล้มเมื่อโซ่น้ำแข็งที่คิดว่าหายไปแล้วกลับมาพันธนาการข้อเท้าข้างซ้ายของเธอไว้อีกครั้ง มือแกร่งดึงรั้งโซ่เข้าหาตัวทำให้ร่างบางโดนลากไปด้วย มือเรียวพยายามจิกเล็บลงกับพื้นเพื่อขืนแรงต้านจนเล็กฉีกขาดแต่ก็ไม่เป็นผล ร่างของเธอถูกกระชากเข้าหาร่างสูงอย่างรวดเร็วจนเนื้อตัวรู้สึกแสบไปหมดจากการเสียดสี คาโลฉุดร่างเล็กให้นั่งคุกเข่าลงตรงหน้าในระดับที่ใบหน้าของเธออยู่พอดีกับแก่นกายที่กำลังแข็งขืนขึ้นอีกครั้ง มือใหญ่กระชากผมให้ใบหน้าหวานเงยขึ้นมามองตัวตนของเขาก่อนจะจ่อตัวตนเข้าที่ปากอิ่มแต่เฟรินกลับเม้มปากแน่นไม่ยอมให้ร่างสูงดันแกนกายเข้ามาได้ มือแกร่งจึงบีบเข้าที่คางมนอย่างแรงจนสาวน้อยต้องยอมอ้าปากออก ทันทีที่เฟรินยอมอ้าปากคาโลก็สวยกระแทกแก่นกายเข้าไปทันที มือที่ยังจับผมอยู่ดันศีรษะเล็กให้ดูดกลืนแก่นกายของเขาเข้าไปได้ลึกยิ่งขึ้น แก่นกายที่เข้ามาลึกเกินไปทำให้หญิงสาวสำลัก น้ำหูน้ำตาไหลพรากๆอย่างควบคุมคุมไม่ได้ ยิ่งปากเล็กขยับเข้าออกมากเท่าไหร่แก่นแกนก็ยิ่งพองโตขยายใหญ่ขึ้นจนคับปากไปหมด คาโลดันหัวทุยให้ดูดกลืนแก่นกายเขาจนสุดแล้วค้างไว้ชั่วครู่ก่อนจะยอมปล่อยมือออก
                  "แค่กๆๆๆๆ แฮ่กๆๆๆ" หญิงสาวไอออกมาทันทีที่ปากเป็นอิสระ  น้ำเชื่อมไหลย้อยลงมาที่ข้างริมฝีปากบวมแดงดูน่าชม มือแกร่งดึงร่างบางให้ลุกขึ้นแล้วผลักไปที่เตียง จับร่างเล็กให้คว่ำหน้าลงตรงขอบเตียงก่อนจะตามไปยืนทาบทับที่ด้านหลัง มือหนาจับเข้าที่สะโพกอิ่มก่อนจะดันตัวตนเข้าไปในตัวร่างเล็กอีกครั้ง สะโพกสอบโหมแรงทั้งหมดลงไปบนตัวร่างบาง มือแกร่งบีบขยำแก้มก้นกลมกลึงจนเป็นรอยนิ้วมือไปทั่ว เฟรินได้แต่ซบหน้าลงบนเตียงเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นด้วยความเจ็บปวด ทำไมคาโลถึงทำแบบนี้กับเธอได้ ทำไมถึงไม่มีสติรู้ตัวเลยซักนิดว่าคนที่เขาทำร้ายอยู่คือคนที่เขาเคยบอกว่ารัก ทันใดนั้นแขนเรียวทั้งสองข้างก็ถูกมือใหญ่จับไปไพล่อยู่ข้างหลังทำให้ร่างบางต้องแอ่นอกขึ้น มืออีกข้างที่ไม่ได้จับแขนของเธอถูกนำมาใช้บีบขยำทรวงอกอิ่ม แรงกระแทกในท่านี้ทำให้แก่นกายเข้าไปได้ลึกยิ่งกว่าทุกครั้ง หญิงสาวรู้สึกเสียวซ่านจนต้องเชิดหน้าขึ้นกัดปากระบายอารมณ์ ภาพที่เห็นยิ่งทำให้เลือดในกายหนุ่มพลุ่งพล่าน คาโลโหมกระแทกเข้าหาร่างบางไม่ยั้งจนร่างเล็กหัวสั่นหัวคลอน หญิงสาวรู้สึกเสียวกระสันจนสมองขาวโพลนไปหมดและสัมผัสได้ว่าตนเองกำลังจะถึงฝั่งฝันแล้ว แต่จู่ๆสะโพกหนาก็หยุดขยับเอาเสียดื้อๆปล่อยให้สาวน้อยรู้สึกค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น
                   "หึ จะทิ้งฉันไปขึ้นสวรรค์คนเดียวได้ยังไง ยังเร็วเกินไปสาวน้อย" กล่าวด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายที่เสริมให้ใบหน้ารูปสลักยิ่งดูมีเสน่ห์แต่แฝงด้วยอันตรายเหลือล้น คาโลดึงร่างบางให้ขึ้นไปบนเตียงด้วยกันก่อนจะนอนลงแล้วกดสะโพกอิ่มให้นั่งทับลงบนตัวตนของตนโดยให้สาวน้อยนั่งหันหลังให้ 
                   "ทำให้ฉันบ้างสิ เราจะได้ขึ้นสวรรค์ไปพร้อมๆกันไง" คำพูดน่าอายเรียกเลือดอุ่นๆให้ฉีดพล่านไปทั่วไปหน้าของหญิงสาว เฟรินได้แต่ส่ายหัวไปมาเพราะไม่มีแรงจะตอบโต้ใดใดอีกต่อไปแล้ว
                   "ไม่งั้นหรอ? ก็ได้ ฉันถือว่าเธอเลือกเองนะ อย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกัน" สิ้นคำสะโพกแกร่งก็สวนขึ้นมาทันทีทำให้เฟรินทรงตัวไม่อยู่จึงต้องยันมือทั้งสองข้างไว้บนหน้าขาของร่างสูง ชายหนุ่นกระแทกกระทั้นจนสะโพกอิ่มกระเด้งกระดอนไปมา มือแกร่งจึงจับยึดเอวคอดไว้ให้อยู่กับที่ก่อนจะโหมแรงเข้าหาอย่างรัวเร็วจนร่างบางสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ร่างเล็กร้องครวญครางออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ตอนนี้สมองของเธอตื้อไปหมด ความต้องการทางกายเข้ามาแทนที่สติสัมปชัญญะจนลบความเจ็บปวดและเขินอายไปจนหมดสิ้น ร่างบางกระแทกสะโพกลงไปพอดีกับที่ร่างสูงสวนสะโพกขึ้นมายิ่งสร้างความรัญจวนใจให้แก่คนทั้งคู่ได้ดียิ่งนัก ร่างสูงรั้งร่างบางให้แผ่นหลังลงมาแนบชิดกับอกแกร่งก่อนจะโหมกระแทกรัวๆจนในที่สุดก็ปลดปล่อยเข้าไปในตัวร่างบางที่ถึงฝั่งฝันพร้อมกันพอดี ร่างบางหมดแรงหล่นลงไปนอนหอบหายใจบนเตียง เมื่อเริ่มหายเหนื่อยจึงหันกลับไปหาคนที่นอนอยู่ข้างๆแต่ก็พบว่าคาโลได้หลับไปแล้ว ใบหน้าคมราวรูปสลักกลับมาเป็นคาโลคนเก่าอีกครั้งในยามที่กำลังหลับตาพริ้มเช่นนี้ มือบางค่อยๆยกขึ้นมาลูบไล้ใบหน้าชายหนุ่มคนรักเบาๆอย่างเกรงว่าจะทำให้ตื่น น้ำตาไหลรินลงบนแก้มนวลอีกครั้งเงียบๆ ทำไมนะ ทั้งๆที่เขาทำกับเธอถึงขนาดนี้แต่เธอก็ยังโกรธเขาไม่ลง คงเพราะรู้ว่าจริงๆแล้วนี่เป็นแค่ปีศาจที่อยู่ภายในตัวของเขาที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นก็แค่นั้น ตัวตนที่แท้จริงของคาโลจะไม่มีวันทำร้ายเธอเด็ดขาด 
                      "หวังว่าตื่นมาพรุ่งนี้ นายจะกลับมาเป็นเจ้าชายน้ำแข็งปากร้ายใจดีคนเดิมของฉันนะ คาโล" กล่าวจบก็ค่อยๆซุกตัวเข้าหาอ้อมอกอุ่นก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราตามกันไป