วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หัวขโมยแห่งบารามอสตอนพิเศษภาค2 ตอนที่2 : ถึงคราวฉันช่วยเธอบ้างแล้วล่ะ [NC 25+]

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ทวิตเตอร์ @Bam_Bam1A


                     เสียงฮือฮาจากกลุ่มคนที่มุงอยู่รอบบอร์ดประกาศประจำป้อมอัศวินเรียกความสนใจจากเฟริน คิลและคาโลได้เป็นอย่างดี หัวขโมยตัวยุ่งรีบปราดเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆเพื่อหวังจะเห็นสิ่งที่ประกาศอยู่บนบอร์ดแต่แล้วก็ต้องผิดหวังเพราะดูเหมือนจะไม่มีทางที่จะฝ่าวงล้อมเข้าไปได้เลย หัวขโมยตัวดีทำหน้ายุ่งอยู่เพียงครู่ก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะแล้วเรียกคทาคู่ใจอันละสองพันคราวน์มาไว้ในมือ
                     "นั่นแกจะทำอะไรของแกน่ะ" คิล ฟีลมัสพูดขึ้นอย่างไม่ไว้ใจ
                     "อย่าบอกนะว่าเธอคิดจะใช้เวทย์ก๊อปปี้จากหนังสือที่เจ้ากวางนั่นให้มาอีก" คาโลกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
                     "ใช่แล้ว! แต่พวกนายไม่ต้องเป็นห่วงไป คราวนี้ฉันได้ฝึกฝนมาเป็นอย่างดีแล้ว รับรองไม่มีพลาด!" สิ้นเสียงก็เริ่มร่ายมนตร์ขมุบขมิบพร้อมยื่นมือกางออกมาข้างหน้า กระดาษสีขาวฉลุลายสีทองปรากฏขึ้นในมือเรียวของเฟรินก่อนตัวหนังสือจะค่อยๆปรากฏขึ้นจนครบ
                     "เห็นมั้ยล่ะ! บอกแล้วว่าครั้งนี้ไม่มีพลาด!" กล่าวพลางยกกระดาษเข้ามาดูใกล้ๆก่อนจะอ่านออกเสียงให้อีกสองคนได้ยิน


                                            ประกาศงานเต้นรำหมากกระดานเกียรติยศ
                     เนื่องด้วยทางคณาจารย์เห็นว่าการจัดการแข่งขันหมากกระดานเกียรติยศมักก่อให้เกิดความขัดแย้งแก่นักเรียนจากต่างปราสาท ในปีนี้จึงจัดงานเต้นรำขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดมิตรภาพระหว่างนักเรียนต่างปราสาท โดยนักเรียนทุกคนจะต้องหาคู่เต้นรำไปงานเลี้ยงและคู่เต้นรำจะต้องมาจากต่างปราสาทเท่านั้น ใครที่ไม่สามารถหาคู่เต้นรำได้หรือจับคู่กับผู้ที่มาจากปราสาทเดียวกันจะถูกหักคะแนน ทั้งนี้ งานเลี้ยงเต้นรำจะจัดขึ้นหนึ่งอาทิตย์ก่อนการแข่งหมากกระดานเกียรติยศ ขอให้นักเรียนทุกคนแต่งกายด้วยชุดราตรีเต็มยศตามระเบียบพิธีการงานเต้นรำด้วย

                                                                                                        จึงเรียนมาเพื่อทราบ
                                                                                                       มิสแรมเชล   กิลเบิร์ต
                                                                                                     อาจารย์ประจำอ้อมอัศวิน


                       "งานเลี้ยงเต้นรำเนี่ยนะ! ฉันเต้นเป็นที่ไหนกัน มีหวังสะดุดขาตัวเองล้มกลางงานแน่" เฟรินโวยออกมาเมื่ออ่านประกาศจนจบก่อนจะทำหน้าราวกับโดนบังคับให้ดื่มยาพิษ
                       "ที่แกควรกังวลไม่ใช่เรื่องเต้น แต่ควรจะกังวลว่าจะไปงานกับใครมากกว่านะ" คิลกล่าว
                       "จริงด้วย! ว่าแต่นายจะไปกับใครล่ะคาโล?"
                       "ไม่รู้สิ" คาโลตอบเรียบๆทำให้เฟรินหันกลับมากลุ้มกับเรื่องของตัวเองต่อ
                       "แค่คิดว่าถ้าเกิดต้องไปงานกับเจ้ายักษ์ปักหลั่นดาร์ค เกลเลอร์ฉันก็ขนลุกแล้ว" พูดพลางทำท่าประกอบโดยการลูบแขนตัวเองไปมาเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากชายที่ยืนอยู่ข้างๆเธอทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี


                        ทั้งสามเดินลงจากป้อมอัศวินมายังโรงอาหารดราก้อนเพื่อรับประทานอาหารเช้าตามปกติ เฟริน คิล และคาโลเดินไปซื้ออาหารก่อนจะมานั่งลงบนโต๊ะตัวหนึ่งที่ยังว่างอยู่ แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มรับประทานอาหารก็โดนขัดจังหวะโดยสาวสวยกลุ่มหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะมาจากปราสาทขุนนาง หญิงสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มคนหนึ่งในกลุ่มสาวๆโดนเพื่อนอีกสองคนผลักไปทางคาโลก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ
                       "เอ่อ....คือว่า ข้า ข้ามาจากปราสาทขุนนาง ชื่อว่าแอรีส แอแรนเดล เดอะวิทช์ออฟเวนอล ท่านจะไปงานเลี้ยงเต้นรำกับข้าได้หรือไม่ปรินซ์คาโล" สิ้นเสียงของสาวน้อยเฟรินก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที มือเรียวหยิบช้อนขึ้นมาก่อนจะตักลงไปบนจานอาหารอย่างแรงจนเกิดเสียงดังก่อนจะตักเข้าปากแล้วเคี้ยวกร้วมๆอย่างหวังจะคลายความหงุดหงิด คาโลลอบมองมาทางเธอแวบหนึ่งแต่เธอก็ทำเป็นไม่สนใจและเคี้ยวต่อไปราวกับมันอร่อยนักหนา คาโลจึงหันไปตอบสาวน้อยจากปราสาทขุนนางแทน
                        "ได้สิ" กล่าวตอบรับเรียบๆเรียกรอยยิ้มกว้างแก่สาวน้อยนามแอรีส เธอยิ้มให้คาโลอีกหนึ่งครั้งอย่างดีใจก่อนจะรีบหันไปหาเพื่อนแล้วเดินออกไปพร้อมส่งเสียงหัวเราะคิกคักไปตลอดทาง ฝ่ายคาโลรู้ตัวว่าแม่ตัวดีของเขาคงจะงอนเข้าให้แล้วจึงพยายามจะอธิบาย
                       "เฟริน คือว่า...." ยังไม่ทันจะได้อธิบายอะไรก็มีเสียงขัดขึ้นเสียก่อน
                       "เฟลิโอน่า เกรดเดเวล" เสียงเรียกจากผู้มาใหม่เรียกให้เฟรินต้องหันไปมองด้วยความฉงน
                       "ข้าชื่อมาร์คัส ลูซิเฟอร์ เดอะวอริเออร์ออฟเอเธนส์แห่งปราสาทขุนนาง ท่านจะให้เกียรติไปงานเลี้ยงเต้นรำกับข้าได้หรือไม่" คำขอของบุรุษนามมาร์คัสเรียกให้คิ้วหนาของเจ้าชายแห่งคาโนวาลขมวดมุ่นเข้าหากันเป็นปม ถ้าจำไม่ผิด เขาเป็นผู้เดินหมากกระดานเกียรติยศปีสี่ของปราสาทขุนนางนี่นะ ทำไมต้องเจาะจงมาขอเฟรินที่เป็นผู้เดินหมากของป้อมอัศวินไปงานเลี้ยงด้วย แต่แล้วคิ้วหนาก็ต้องขมวดมุ่นหนักกว่าเดิมเมื่อเจ้าหัวขโมยตัวดีของเขาตอบรับทันทีแบบไม่คิดอะไรเลย
                       "ได้สิ ข้ากำลังว่างอยู่พอดี"กล่าวพร้อมกับวางมือลงบนมือหนาของมาร์คัสที่ยื่นออกมารอไว้ตั้งแต่แรกก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารแล้วปรายหางตามาทางคาโล
                       "เราไปปรึกษากันเถอะว่าจะใส่ชุดคอนเซปต์อะไรคู่กันดี ข้าตื่นเต้นจะแย่อยู่แล้ว" กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าพยายามจะประชดประชันแล้วเดินออกจากโรงอาหารดราก้อนไปพร้อมกับคู่เต้นรำของเธอทันที


                       "เฟริน มาคุยกันก่อนสิ" คาโลที่ยืนดักรออยู่หน้าห้องเรียนพูดรั้งเธอไว้ก่อนที่จะได้เดินเข้าห้องไป
                       "คุยเรื่องอะไร ไม่เห็นมีอะไรต้องคุยเลย" พูดอย่างไม่รู้ไม่ชี้แล้วทำท่าจะเดินเข้าห้องไปอีกครั้งแต่มือของคาโลกลับไวกว่ารั้งข้อมือของเธอไว้แล้วลากให้ออกไปคุยกันดีๆในที่ลับตาคน
                       "เธอไม่ควรไปงานเต้นรำกับหมอนั่น มันไม่น่าไว้ใจ"
                       "ไม่น่าไว้ใจอะไร เขาก็มาจากปราสาทขุนนางเหมือนๆกับคู่เต้นรำของนายนั่นแหละ" ว่าพลางสะบัดมือออกจากการกอบกุมของมือใหญ่
                       "มันไม่เหมือนกัน นายนั่นน่ะเป็นคนเดินกระดานหมากเกียรติยศของปราสาทขุนนาง เท่ากับว่าเธอเป็นคู่แข่งมันนะ มันอาจจะเล่นตุกติกอะไรก็ได้ใครจะรู้"
                       "ถ้านายคิดว่ามาร์คัสเป็นคู่แข่งของฉัน ถ้าอย่างนั้นทุกคนที่มาจากปราสาทอื่นก็เป็นคู่แข่งของเราหมดนั่นแหละ รวมถึงแม่สาวน้อยแอรีสคู่เต้นของนายด้วย ดูแลคู่เต้นรำของตัวเองให้ดีเถอะ ไม่ต้องมาห่วงฉัน" พูดจบก็เดินกลับไปเข้าห้องเรียนทันที ทิ้งให้คาโลต้องมองตามด้วยความอ่อนใจในความดื้อรั้นของเธอ


                         "เรื่องที่ให้ไปทำคืบหน้าถึงไหนแล้ว"
                         "แผนสำเร็จไปขึ้นหนึ่งแล้วครับ ตอนนี้ผมขอเธอมาเป็นคู่เต้นรำได้สำเร็จแล้ว ที่เหลือก็แค่รอให้ถึงวันงานเพื่อที่จะได้เดินตามแผนขั้นต่อไป"
                         "ดีมาก รู้ใช่มั้ยว่างานนี้จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากโดนจับได้ไม่เพียงแค่แกที่จะซวยแต่มันอาจหมายถึงชื่อเสียงของปราสาทขุนนางทั้งหมดที่ต้องพังลงไปด้วย"
                         "เข้าใจแล้วครับ"



                         ร่างสาวน้อยในชุดสีชมพูฟูฟ่องดูน่าทะนุถนอมที่ยืนอยู่หน้าห้องของเธอสะกดให้คาโลยืนจ้องราวกับต้องมนตร์ เฟรินรับรู้ได้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมองมาทางเธอจึงหันไปมองก็พบกับคาโลที่อยู่ในชุดทักซิโดสีเทาเรียบหรูที่รับกันอย่างเหมาะเจาะกับผมสีเงินเสริมให้เขาดูดียิ่งกว่าเดิมเสียอีก เธอรีบปั้นหน้านิ่งเมื่อรู้สึกตัวว่าจ้องเขานานเกินไปแล้วก่อนจะเริ่มก้าวเดินไปยังบันไดแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเพราะคาโลคว้าข้อมือของเธอเอาไว้
                         "มีอะไร"
                         คาโลไม่ตอบแต่กลับดึงมือข้างซ้ายของเธอไปกุมไว้แทน มือขวาหยิบคทาขึ้นมาก่อนจะแตะลงบนแหวนมุกแสงจันทร์แหวนหมั้นที่สวมอยู่บนนิ้วนางของเธอแล้วร่ายมนตร์อยู่ชั่วครู่ทำให้เกิดแสงเรืองสีฟ้าบนแหวนแวบหนึ่งก่อนจะหายไป
                         "จำไว้นะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้กุมแหวนนี้เอาไว้ในมือแล้วนึกถึงฉัน ฉันจะรีบไปหาเธอทันที เข้าใจมั้ย" เฟรินมองแหวนบนนิ้วอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคาโล ในใจรู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งที่เขาทำแต่อีกใจก็ยังคิดว่าคาโลกังวลมากเกินไปอยู่ดี
                         "นี่นายจะกังวลมากเกินไปรึเปล่า มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกน่า"
                         "แค่ตอบฉันมาว่าเข้าใจแล้วนี่มันยากมากนักรึไง" เสียงดุๆของคาโลทำให้เธอเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆจึงรีบตอบรับแต่โดยดี
                         "รู้แล้วละน่า ไม่ต้องมาทำเป็นดุเลย" พูดจบก็หันหลังเดินลงบันไดไปทันที
                         เฟรินเดินออกมาที่หน้าป้อมอัศวินก็พบกับมาร์คัสในชุดคลุมยาวสีแดงที่ทำให้เขาดูดีไม่หยอก มาร์คัสโค้งทักทายเธอพอเป็นพิธีก่อนจะกล่าวทักทายอย่างอารมณ์ดี
                         "พร้อมสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้หรือยังครับ คู่เต้นรำของผม"
                         "เอ่อ....ก็พร้อมเท่าที่เห็นนั่นแหละ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าฉันเต้นไม่ค่อยเป็น"
                         "ไม่ต้องเป็นห่วง แค่ทำตามข้าก็พอ คืนนี้ข้าจะคอยดูแลท่านเอง" กล่าวจบก็ยื่นแขนออกมาข้างหน้าเป็นเชิงให้เฟรินควง เฟรินจึงสอดแขนเข้าไปในวงแขนของเขาแล้วทั้งคู่ก็กำลังจะออกเดินแต่กลับมีเสียงดังขัดขึ้นเสียก่อน
                          "เฟริน ยังจำที่ฉันบอกได้ใช่ไหม" คาโลกล่าวกับเฟรินแต่สายตากลับจ้องเขม็งไปยังคู่เต้นรำของเธอแทน ฝ่ายมาร์คัสก็ไม่ยอมน้อยหน้าจ้องกลับด้วยแววตากร้าวแข็งไม่ต่างกันจนเฟรินชักจะหวั่นๆว่าจะเกิดการวางมวยกันขึ้นจึงรีบตอบรับคาโลไป
                          "รู้แล้วละน่า ไม่ลืมหรอก นายน่ะไปรับคู่เต้นรำของตัวเองได้แล้วไป เราไปกันเถอะมาร์คัส ฉันหิวจะแย่แล้ว"ประโยคแรกพูดกับคาโลก่อนจะหันไปบอกมาร์คัสในประโยคหลังทำให้เขาละสายตาจากคาโลหันมายิ้มให้เธอแล้วเริ่มพาเธอออกเดินไปยังงานเลี้ยงในที่สุด


                            งานเลี้ยงไม่เลวร้ายอย่างที่คิด เพราะดูเหมือนเลโมธีจะสรรหาอาหารเลิศรศจากทั่วเอดินเบิร์กมาให้ได้เลือกสรรกันอย่างจุใจ เฟรินตักทุกอย่างมากินอย่างน้อยอย่างละสองรอบ(ยกเว้นคัสตาร์ดครีมที่ต้องขอเพิ่มเป็นจานที่สามเพราะมันอร่อยเกินจะห้ามใจไหวจริงๆ) หลังจากกินทั้งของคาวของหวานสารพัดจนพุงกางแล้ว เฟรินก็มานั่งย่อยที่โต๊ะที่จัดรับรองไว้ในงานรอมาร์คัสที่กำลังไปเอาน้ำมาให้อยู่ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคาโลที่กำลังเต้นรำอยู่กับสาวน้อยแอรีสในชุดราตรียาวสีขาว ทั้งคู่เต้นคลอไปกับจังหวะวอลซ์เบาๆ แอรีสยิ้มอย่างมีความสุขในอ้อมกอดของคาโลที่ยิ้มให้เธอน้อยๆ ภาพที่เห็นทำให้เฟรินรู้สึกรุ่มร้อนในใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แค่ได้เห็นคาโลยิ้มให้ผู้หญิงคนอื่นก็ทำให้เธอหงุดหงิดจนแทบบ้า
                            "อารมณ์ไม่ดีหรอ ดื่มน้ำส้มเย็นๆหน่อยมั้ย เผื่ออารมณ์จะเย็นลง" มาร์คัสยื่นแก้วน้ำส้มมาให้ เฟรินที่กำลังอารมณ์เสียจึงคว้ามาดื่มทีเดียวหมดแก้วโดยไม่ได้สังเกตเลยว่ามาร์คัสกำลังแอบยิ้มอย่างมีเลศลัยก่อนจะวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะอย่างแรง
                            "ไปเต้นรำกันเถอะ" กล่าวจบก็ลากแขนมาร์คัสให้เดินออกไปยังฟลอร์เต้นรำใกล้ๆกับคาโลและแอรีสทันที
                            "นายบอกว่าจะคอยนำฉันเองไม่ใช่หรอมาร์คัส ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยดูแลฉันหน่อยนะ" กล่าวเสียงดังเพื่อให้คาโลได้ยินพร้อมกับยกมือของมาร์คัสให้มาจับที่เอวของตนก่อนจะวางมือลงบนไหล่ของเขา
                            "ได้เลย วางใจเถอะ วันนี้ฉันจะดูแลเธอแทนคู่หมั้นของเธอเอง" กล่าวพลางกระชับมือที่เอวของเฟรินให้แน่นขึ้นแล้วเริ่มนำให้เธอขยับตามจังหวะเพลงเบาๆเรียกให้คาโลต้องหยุดชะงักการเต้นกลางคันทันที
                             "ฉันขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะ ในนี้มันอึดอัด" กล่าวกับแอรีสแล้วเดินออกจากฟลอร์เต้นรำไปโดยไม่หันมามองเฟรินเลย

                              เฟรินเต้นรำไปได้ซักพักก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ รู้สึกร้อนๆลุมๆราวกับจะเป็นไข้
                              "เป็นอะไรรึเปล่า ไหวมั้ย? ไปพักก่อนมั้ย?" มาร์คัสถามขึ้นเฟรินจึงพยักหน้าให้              
                              มาร์คัสเดินประคองเธอออกไปจากห้องโถงที่ใช้เต้นรำก่อนจะพาเธอเดินไปยังห้องพยาบาแล้วประคองให้เธอนอนลงบนเตียง
                              "ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย นางพยาบาลไปไหนหมด แล้วนั่นนายจะล็อคประตูทำไม" เฟรินถามขึ้นแล้วจ้องมองมาร์คัสที่เดินไปล็อคประตูอย่างสงสัย
                              "สงสัยคงจะอยู่ที่งานเลี้ยงกันหมด แต่เธอไม่ต้องกังวลไปหรอก เพราะฉันจะช่วยรักษาเธอแทนนางพยาบาลเอง" กล่าวพลางถอดเสื้อคลุมออกแล้วค่อยๆปลดกระดุมเสื้อข้างในออกทีละเม็ดทำให้เฟรินเริ่มรู้สึกใจเสีย
                              "นายจะทำอะไรน่ะ"
                              "ก็ช่วยทำให้เธอสบายตัวขึ้นน่ะสิ ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอต้องกำลังรู้สึกอึดอัด ร้อนรุ่มราวกับถูกไฟแผดเผาใช่มั้ยล่ะ?" กล่าวพลางค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้เธอทีละนิด
                              "นะ...นายรู้ได้ยังไง หรือว่า........."
                              "ใช่ ฉันใส่ยาปลุกเซกส์ลงในน้ำส้มที่เธอดื่มเข้าไปยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นเลิกพูดมากแล้วยอมให้ฉันช่วยเธอดีๆดีกว่า" กล่าวจบก็พุ่งตัวเข้าหาเฟรินทันที มือใหญ่กดแขนทั้งสองข้างของเธอลงกับเตียงแล้วบดจูบลงมาอย่างรุนแรง เฟรินพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเขาแรงเยอะกว่าเธอมากนัก
                              "เป็นยังไง จูบของฉันดีกว่าจูบของไอ้เจ้าชายน้ำแข็งนั้นมั้ยล่ะ" กล่าวอย่างหยาบโลนยิ่งทำให้เฟรินรู้สึกรังเกียจเขามากขึ้นเป็นทวีคูณ
                              "นายทำแบบนี้ทำไม!"
                              "ก็เพื่อทำลายเธอไง ทำให้เธอแปดเปื้อน แล้วมาดูซิว่าไอ้คาโลมันจะยังอยากแต่งงานกับผู้หญิงที่มีมลทินอย่างเธอรึเปล่า" พูดจบก็ฉีกเสื้อผ้าของเฟรินออกทันทีแต่เฟรินก็พยายามขัดขืนจนสุดความสามารถจนมาร์คัสทนไม่ไหวจึงต่อยเข้าที่ท้องน้อยของเธออย่างแรงจนเฟรินจุก เธอเอามือกุมเข้าที่ท้องทั้งน้ำตาพลันนึกถึงคำพูดของคาโลที่บอกไว้ก่อนมางานเลี้ยง
                               "ถ้าเกิดอะไรขึ้นให้กุมแหวนนี้ไว้ในมือแล้วนึกถึงฉัน ฉันจะไปหาเธอทันที"
                               เฟรินกุมมือข้างซ้ายเอาไว้ด้วยมือข้างขวาก่อนจะนึกถึงใบหน้าของชายอันเป็นที่รัก
                               "คาโล ช่วยฉันด้วย" กล่าวพร้อมกับหลับตาลงปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาตามใบหน้าหวาน
                                "หึ ร้องให้ตายมันก็ไม่มีทางมาช่วยเธอได้หรอก ป่านนี้คงกำลังมีความสุขอยู่กับคู่เต้นรำของมันโน่น"
                                ปัง! เสียงประตูที่กระเด็นออกด้วยแรงจากพลังเวทย์อันแก่กล้าทำให้มาร์คัสต้องหันขวับไปมองทันที ผู้มาใหม่ยืนตระหง่านค้ำอยู่ที่ทางเข้าแผ่ไอเวทย์มนตร์สีดำทะมึนออกมารอบทิศ นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างในตอนนี้แลดูเย็นเยียบราวกับจะทำให้ผู้ที่เผลอไปสบตาด้วยแข็งกลายเป็นหินไปในทันที
                               "กล้าดียังไงมายุ่งกับผู้หญิงของฉัน!!!" กล่าวด้วยสุรเสียงทรงอำนาจก่อนจะชี้ปลายคทาไปยังร่างของมาร์คัส แรงพลังทำให้ร่างของเขาลอยไปกระแทกกับผนังห้องก่อนจะตกลงมานอนกระอักเลือดบนพื้นแล้วสลบไปในทันที
                                "คาโล.........."เสียงเรียกอันอ่อนแรงจากเฟรินทำให้คาโลได้สติ เขารีบปราดเข้าไปหาเธอก่อนจะถอดเสื้อออกมาคลุมร่างเกือบเปลือยเปล่า คาโลค่อยๆอุ้มเฟรินขึ้นมาในอ้อมอกก่อนจะพาเธอเดินออกจากห้องพยาบาลฝ่าเหล่าฝูงชนที่กรูออกจากงานเลี้ยงมาดูเนื่องจากได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมเมื่อสักครู่

       
                                 คาโลอุ้มเฟรินกลับมาที่หอพักของป้อมอัศวิน มือใหญ่วางร่างบางลงบนเตียงนอนของเขาอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวเธอจะแตกหัก เฟรินที่ในตอนนี้ยาเริ่มออกฤทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆดิ้นไปมาอย่างทุรนทุราย เธอรู้สึกอึดอัดจะอยากจากกรี๊ดออกมาให้สุดเสียง ร่างกายร้อนรุ่มราวกับถูกเปลวเพลิงแผดเผาไปทั่วร่าง เธอได้แต่พึมพำไปมาซ้ำๆว่าช่วยด้วยจนคาโลเริ่มรู้สึกกระวนกระวายตามไปด้วย
                                 "เฟริน เฟริน เธอเป็นอะไร ไอ้บ้านั่นมันทำอะไรเธอบอกฉันสิว่าจะให้ฉันช่วยเธอได้ยังไง จริงสิ ท่านหมอเทวดาในคทาของฉัน รอเดี๋ยวนะ" คาโลทำท่าจะเรียกคทามาไว้ในมือแต่เฟรินกลับรั้งมือของเขาไว้พร้อมส่ายหัวไปมาอย่างรุนแรง
                                "ไม่ ไม่.....นาย.....ต้องเป็น.........นาย......" กล่าวด้วยเสียงแหบแห้งพร้อมบีบมือของคาโลอย่างแรง
                                "ฉันหรอ ฉันจะช่วยเธอได้ยังไง บอกฉันมาสิเฟริน" เฟรินไม่ตอบแต่กลับรั้งคอขอคาโลลงมาแทน เธอจูบคาโลอย่างร้อนรนราวกับพบโอเอซิสกลางทะเลทรายที่แห้งแล้ง คาโลตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมตอบรับจูบของเธอแต่โดยดี ดูจากอาการเขาพอจะรู้แล้วว่าไอ้มาร์คัสมันทำอะไรกับเฟรินไว้ เลวจริงๆ คอยดูเถอะ เขาจะเล่นงานมันให้จมดินไม่ให้โผล่หัวขึ้นมาได้อีกเลย
                                เฟรินเริ่มทนไม่ไหวเพราะยาออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว เธอผลักคาโลให้นอนลงบนเตียงก่อนจะตามไปทาบทับบนร่างใหญ่ มือเรียวกระชากเสื้อของคาโลออกก่อนจะดูดดุนไปทั่วแผงอกกว้าง ปากอิ่มไล้ต่ำลงมาเรื่อยๆผ่านกล้ามเนื้อท้องเป็นลอนงามจนถึงขอบกางเกงสีเทาตัวสวย เธอใช้ฟันปลดตะขอกางเกงออกเผยให้เห็นแก่นกายที่เริ่มตื่นตัวขึ้นมาหน่อยๆ ไม่รอช้ามือเรียวกอบกุมแกนกายใหญ่เอาไว้แล้วเริ่มรูดขึ้นลงทันที ปากอิ่มครอบครองปลายยอดถันแล้วดูดเลียอย่างเมามันราวกับไอศกรีมรศเลิศ  ลิ้นเล็กละเลงไปทั่วปลายแก่นกายใหญ่ก่อนจะกลืนกินมันเข้าไปอีกครั้งจนคับปาก มือเรียวขยับขึ้นลงเร็วอีกสองสามครั้งก่อนจะผละออกมาจัดการกับเสื้อผ้าของตนเองให้ออกไปพ้นทาง ทุกการกระทำของเธอล้วนอยู่ในสายตาของคาโลทั้งสิ้น ถึงแม้จะรู้สึกโกรธที่ไอ้บ้านั่นมันบังอาจมาวางยาผู้หญิงของเขา แต่ก็ต้องยอมรับว่าเพราะยานี่ทำให้เขาพอใจไม่น้อย ภาพหัวขโมยตัวดีที่กำลังแปลงร่างเป็นนางแมวยั่วสวาทตรงหน้าทำให้เขาตื่นเต้นจนเกือบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่          
                                 มือเรียวจับแก่นแกายใหญ่ให้ตั้งขึ้นก่อนจะจ่อเข้ากับปากทางรักของตนเอง เฟรินค่อยๆกดสะโพกลงไปช้าๆจนในที่สุดก้นงอนก็แนบชิดบนหน้าขาของร่างสูงก่อนจะทำหน้าเหยเกออกมาเล็กน้อยด้วยความเสียวปนจุก ร่างบางเริ่มขยับสะโพกขึ้นลงอย่างรัวเร็วทันทีที่เริ่มปรับตัวได้ มือเรียวค้ำยันอยู่บนแผงอกแกร่งเพื่อให้ขยับได้อย่างถนัดมากขึ้น สะโพกอิ่มขยับรัวเร็วขึ้นเรื่อยๆตามไฟราคะที่โหมโชนขึ้นในจิต ตอนนี้สมองของเธอไม่มีที่ว่างสำหรับความเขินอายอีกต่อไปแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยความต้องการที่ล้นปรี่จากฤทธิ์ของยา ยิ่งเธอขยับสะโพกรัวเร็วขึ้นเท่าไหร่เสียงร้องครางของเธอเองก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น ฝ่ายคาโลที่อยู่ด้านล่างก็ไม่ปล่อยให้เธอเหนื่อยอยู่คนเดียว เขาจับเอวของเธอไว้ก่อนจะช่วยกดลงรับกับสะโพกของเขาที่เด้งสวนขึ้นมาพอเรียกเสียงครางกระเส่าให้ดังถี่ขึ้นอีกจนจับใจความแทบไม่ได้
                                "อ๊าาาาาาาาาาา คาโล อื้มมมม แรงอีกกก ลึกกว่านั้นอีก ชั้นจะไม่ไหวแล้ว อึ่ก.............."คาโลสวนสะโพกแรงขึ้นตามคำขอทำให้แก่นกายใหญ่สวนลึกเข้าไปในตัวเธอจนแตะโดนจุดกระสันทำให้เฟรินเสียวจนถึงกับหลั่งน้ำรักสีใสๆกระฉูดออกมาเต็มไปหมดแต่คาโลก็ยังคงไม่หยุดเพราะตัวเขาเองยังไม่ได้ปลดปล่อย คาโลล็อคเอวของเฟรินให้ค้างไว้กลางอากาศก่อนจะรัวสะโพกเข้าหาถี่ๆอย่างรุนแรงจนในที่สุดก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นเข้าไปเต็มช่องทางรักพร้อมกับเฟรินที่ถึงฝั่งฝั่งไปพร้อมกันอีกรอบ เฟรินหมดแรงทิ้งตัวลงซบอกกว้าง คาโลกอดเธอเอาไว้พร้อมลูบหัวเธอเบาๆ
                                 "เป็นยังไง ดีขึ้นรึยัง?"
                                 "อื้ม" สาวน้อยตอบออกมาสั้นๆแต่คาโลกลับยิ้มกว้างออกมาเพราะตอนนี้ตัวเขาและเธอยังเชื่อมต่อกันอยู่ และบางอย่างมันทำให้รู้ว่ายามันยังไม่หมดฤทธิ์
                                 "ดีขึ้น แต่ยังไม่หายดีใช่มั้ย เพราะฉันรู้สึกได้นะ ว่ายามันยังไม่หมดฤทธิ์" กล่าวจบก็แกล้งขยับสะโพกเบาๆให้เฟรินต้องตอดรัดโดยอัตโนมัติ สาวน้อยแก้มขึ้นสีระเรื่อ ซุกหน้างุดลงกับอกแกร่ง
                                  "คาโลบ้า! อย่าแกล้งกันอย่างนี้สิ งือ~"
                                  "ไม่แกล้งแล้วก็ได้ แต่ทำจริงเลยแล้วกัน" กล่าวจบก็พลิกตัวร่างบางให้กลับมาอยู่ใต้ร่างของตนแทน ปากหยักประกบจูบลงอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนไล้เลียไปทั่วโพรงปากหวานเก็ยชิมน้ำหวานทุกอยาดหยด. ก่อนจะหยอกล้อกับลิ้นเล็กที่ตอบรับกับลิ้นของเขาได้เป็นอย่างดี เสียงดังจ๊วบจ๊าบดังขึ้นไม่ขาดสาย มือใหญ่จับแก่นแกนของตนจ่อเข้าที่ปากทางรักก่อนจะดันเข้าไปอีกครั้งจนสุด เฟรินสะดุ้งเฮือกเผลอผละปากออกจากคาโลด้วยความเสียว
                                  "อื้มมมมมมมม" มือเรียวจิกลงที่แผ่นหลังกว้างทันทีเมื่อคาโลเริ่มขยับเอว เขาขยับอย่างเนิบช้าทว่าร้อนแรง สะโพกสอบเน้นย้ำในทุกคราที่ฝังตัวตนเข้ามาในตัวเธอราวกับต้องการจะให้มันเข้าไปได้ลึกที่สุดก่อนจะถอนออกจนเกือบสุดแล้วกดย้ำเข้ามาอีกครั้งเน้นๆ มือแกร่งขยำแก้มก้นงอนอย่างแรงแต่กลับทำให้เธอรู้สึกดียิ่งขึ้นไปอีก เมือเรียวฝังเล็บลงไปทุกครั้งที่คาโลฝังตัวตนเข้ามาจนสุดจนแผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน มือแกร่งเปลี่ยนเป็นรั้งสะโพปอิ่มให้เข้ามาแนบชิดกับตัวตนของเขามากยิ่งขึ้นก่อนจะเริ่มรัวสะโพกเข้าหาถี่ยิบอย่างกระทันหันจนเฟรินตั้งตัวแทบไม่ทัน มือเรียวเปลี่ยนจากแผ่นหลังกว้างมาจิกลงบนผ้าปูเตียงสีขาวแทน เสียงครางกระเส่าดังกระท่อนกระแท่นเพราะความเร็วที่พุ่งสู่จุดสูงสุดจนเธอครางไม่ได้ศัพท์ แต่จู่ๆเธอก็ต้องตกใจเมื่อคาโลหยุดอย่างกระทันหันแล้วจับตัวเธอพลิกให้คว่ำหน้าลงกับเตียง มือแกร่งรั้งสะโพกอ่มดข้าหาแล้วเริ่มขยับสะโพกต่อทันทีราวกับเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ เฟรินทำได้เพียงจิกเล็บลงกับผ้าปูเตียงจนยับย่นและกัดหมอนเพื่อระบายความเสียว เธอได้รู้ในวันนี้เองว่าคาโลต้องทนเก็บกดมากแค่ไหนที่ต้องอ่อนโยนกับเธอตลอดเวลา แต่ตอนนี้เป็นเพราะฤทธิ์ยาทำให้เขาสามาถปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมากับเธอได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลว่าเธอจะเจ็บ
                                 คาโลยังคงรัวสะโพกเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนเฟรินต้านทานไม่ไหว ขาสั่นหมดแรงกองลงไปบนเตียงแต่คาโลก็ยังคงตามมาทาบทับอย่างไม่หยุดหย่อน เขากระแทกเน้นย้ำลงมาราวกับพยายามจะกดเธอให้จมเตียง   ร่างใหญ่ลงมานอนข้างๆเธอก่อนจะดันให้เธอนอนตะแคงข้างโดยหันแผ่นหลังเข้าหาเขาก่อนจะยกขาเรียวข้างหนึ่งขึ้นแล้วรัวสะโพกต่ออโดยไม่หยุดพัก มือข้างหนึ่งดันใบหน้าหวานให้กันมารับจูบส่วนมืออีกข้างทาบทับอยู่ส่วนอ่อนไหวของเธอก่อนจะละเลงนิ้วลงบนจุดกระสันอย่างรัวเร็วเป็นจังหวะเดียวกับสะโพกที่ยังคงรัวเข้าหาเธออย่างถี่ยิบ ความเสียวกระสันที่ได้รับมันมากเกินกว่าจะทนไหวจนทำให้เฟรินต้องร้องอืออาอยู่ในลำคอเพราะคาโลยังไม่ยอมปล่อยให้ปากเธอเป็นอิสระก่อนจะปล่อยน้ำใสๆให้พุ่งกระฉูดออกมาจากช่องทางรักอีกครั้งอย่างอั้นไม่อยู่  มือใหญ่เปลี่ยนเป้าหมายมาที่อกอวบอิ่มก่อนจะบีบขยำอย่างรุนแรงแล้วเพิ่มความเร็วที่ด้านล่างขึ้น มือแกร่งบีบหน้าอกเธอค้างไว้พร้อมๆกับสะโพกแกร่งที่กระแทกเข้ามาหนักๆอีกสองสามครั้งแล้วปล่อยน้ำรักออกมาอีกระลอกถึงจะคลายมือออกแล้วเปลี่ยนเป็นกอดเอวเธอเอาไว้หลวมๆแทน เสียงหอบหายใจที่ดังอยู่ข้างหูทำให้เฟรินรู้สึกเขินขึ้นมาเสียอย่างนั้นทั้งๆที่ทำอะไรด้วยกันมาตั้งเยอะแล้วแท้ๆ
                                "อีกรอบนะ" เสียงแหบพร้าที่กระซิบขึ้นข้างหูทำให้เธอต้องตีลงบนแขนแกร่งเบาๆโทษฐานหื่นไม่บันยะบันยัง
                                "พอแล้วน่า ยาหมดฤทธิ์แล้ว ฉันหายดีแล้ว"
                                "แต่ฉันยังไม่หายเลยนี่"
                                "หายเหยอะไร คนโดนวางยาน่ะมันฉันไม่ใช่นายซักหน่อย"
                                "ก็ฉันยังไม่หาย....อยากเลยนี่ นานๆทีจะได้เห็นหัวขโมยแปลงร่างเป็นนางแมวยั่วสวาท ใครจะทนไหว แค่สองรอบมันจะไปพอได้ยังไงกัน" คำพูดลุ่นๆเรียกให้สาวน้อยในอ้อมกอดเขินจนต้องถองข้อศอกเข้าให้ที่หน้าท้องแกร่งเบาๆ แต่สุดท้ายนางแมวยั่วสวาทก็หนีไม่พ้นราชสีห์ที่จ้องจะตะครุบเหยื่ออยู่ดี คำว่าอีกรอบนะยังคงดังขึ้นทั้งคืนไปยันเช้า.............