ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ทวิตเตอร์ @Bam_Bam1A
หลังจากที่จับเจ้าหัวขโมยตัวดีขังอยู่ในห้องกับเจ้าชายน้ำแข็งได้สำเร็จคิลก็มานั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวม แต่รอแล้วรอเล่าเฟรินก็ยังไม่มีทีท่าที่จะออกมาจากห้องซักที จนกระทั่งเพื่อนทุกคนพากันไปนอนหมดแล้วคิลจึงได้ตัดใจและคิดว่าคืนนี้คงจะต้องนอนที่ห้องนั่งเล่นนี้แน่แล้ว มือใหญ่เตรียมจัดหมอนจัดที่นอนสำหรับตัวเองแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงหวานๆดังขึ้น
"อ้าว คุณคิลยังไม่นอนหรอคะ" เรนอนถามขึ้น
"ก็ว่ากำลังจะนอนนี่แหละ แล้วเรนอนล่ะ ทำไมยังไม่นอนอีก"
"ก็เห็นคุณเฟรินยังไม่กลับมาซักทีก็เลยออกมาดูน่ะค่ะ แต่พอมาถึงหน้าห้องก็ได้ยินเสียงเอ่อ.........เสียงแปลกๆน่ะค่ะก็เลยคิดว่าคุณเฟรินน่าจะไม่กลับห้องวันนี้ แล้วก็รู้สึกเหงาๆที่วันนี้ต้องนอนคนเดียวก็..ก็เลยว่าจะออกไปเดินเล่นซะหน่อย"แก้มใสขึ้นสีจางๆ มือไม้ดูเก้กังไปหมดแถมยังพูดมากกว่าปกติเพื่อแก้เขินทำให้คิลต้องแอบอมยิ้ม
"ถ้าอย่างนั้น ผมไปเดินเล่นด้วยได้ไหม" คำขอของคิลทำให้เรนอนอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้เบาๆคิลจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอกพร้อมๆกับเธอ
คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ดวงดาวจึงแข่งกันส่องแสงสว่างพร่างพราวเต็มฟ้าดูน่าชมยิ่งนักโดยเฉพาะเมื่อได้มาเดินชมกับคนที่หมายปอง คิลก้มลงเก็บดอกลีลาวดีที่หล่นลงบนพื้นก่อนจะนำมาทัดไว้ที่หูของเรนอนเสริมให้ใบหน้าหวานดูหวานยิ่งขึ้นไปอีก
"สวยดีนะ" เสียงเอ่ยเรียบๆของคนที่ทัดดอกไม้ให้เรียกให้แก้มนวลขึ้นสีระเรื่อ ใบหน้าหวานก้มลงไม่สบตาด้วยความเขินอายแต่ริมฝีปากเรียวกลับยิ้มไม่หยุด ทำไมนะ ทั้งๆที่ก็มีคนมากมายที่ชมว่าเธอสวย แต่เธอกลับไม่เคยรู้สึกเขินขนาดนี้มาก่อน
"หมายถึงดอกไม้น่ะ สวยดีนะ" คำอธิบายเพิ่มเติมทำเอาคนที่กำลังยิ้มยิ้มค้างกลางอากาศ ใบหน้าสวยเงยขึ้นมาสบตาพ่อตัวดีก็ยิ่งทำให้รู้สึกโกรธเมื่อพบกับแววตาสั่นระริกด้วยความขบขัน ไหนจะรอยยิ้มล้อเลียนนั่นอีก ความโกรธทำเอาลืมตัวจนหมดสิ้น หญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเรียบร้อยที่สุดในป้อมอัศวินกระโจนเข้าหาชายหนุ่มแล้วระดมทุบไม่ยั้ง
"ไอ้คุณคิลบ้าๆๆๆๆๆ กล้าดียังไงมาแกล้งฉันห้ะ! อ๊ะ! "ด้วยความไม่ทันได้ระวังทั้งคู่จึงไปสะดุดเอาก้อนหินที่อยู่บนพื้นจนล้มลงกระแทกพื้นหญ้า ร่างใหญ่นอนแผ่อยู่บนพื้นโดยมีร่างเล็กทาบทับอยู่ข้างบน มือเรียวยันพื้นเอาไว้เพื่อไม่ให้หน้ากระแทกแต่กลับทำให้ในตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงแค่คืบ นัยน์ตาสีม่วงจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของสาวน้อยอย่างหลงใหล
"สวยจัง" คิลพูดขึ้นเบาๆอย่างเลื่อนลอยแต่นั่นกลับทำให้สาวน้อยเหนือร่างหงุดหงิดขึ้นมาทันควัน ดวงหน้าสวยเชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างฉุนเฉียว
"หึ คราวนี้หมายถึงอะไรอีกล่ะ ดวงดาวรึไง? ฉันไม่หลงกลคุณคิลง่ายๆแล้ว!" กล่าวจบก็ทำท่าจะลุกขึ้นทันทีแต่คนใต้ร่างกลับไวกว่า มือแกร่งคว้าเข้าที่ไหล่มนก่อนจะดึงให้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดแล้วพลิกตัวเป็นฝ่ายคร่อมร่างเล็กไว้เสียเอง
"คราวนี้ฉันหมายถึงเธอจริงๆ เรนอน เธอสวย สวยมากด้วย สวยจนฉันอดใจไม่ไหว......." สายตาที่จ้องมองมายังเธอนั้นเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด มันดูจริงจังและจริงใจอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ใบหน้าคมค่อยๆก้มลงมาเรื่อยๆก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากสีชมพูระเรื่ออย่างแผ่วเบา สาวน้อยค่อยๆหลับตาพริ้มเพื่อรับสัมผัสอันอ่อนโยนนั้น คิลจูบอย่างเชื่องช้าและเนิ่นนานแต่มิได้รุกล้ำ ริมฝีปากหยักกดซ้ำๆหนักๆสองสามครั้งก่อนจะค่อยๆผละออกมาอย่างอ้อยอิ่งราวกับไม่อยากให้มันจบลง
คิลยังคงจ้องเข้าไปในดวงตาของสาวน้อยหลงใหลจนทำให้คนโดนจ้องทนไม่ไหวต้องหลบสายตาไปเสียก่อน เมื่อเห็นดังนั้นคิลจึงค่อยๆลุกขึ้นก่อนจะยื่นมือให้หญิงสาวจับเพื่อประคองตัวลุกขึ้นตาม ทั้งคู่เดินกลับเข้าไปในป้อมอัศวินเงียบๆโดยไม่พูดอะไรกันเลยจนกระทั่งมาถึงหน้าห้องของหญิงสาว
"เอ่อ.......ขอบคุณมากนะคะที่ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนฉัน" หญิงสาวเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบก่อนหลังจากที่ทั้งคู่ยืนเก้ๆกังๆอย่างไม่รู้จะทำยังไงกันอยู่นาน
"ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ ผมไม่เคยเดินเล่นกับใครแล้วมีความสุขขนาดนี้มาก่อน"
"เอ่อ.....ถ้าอย่างนั้นก็......ราตรีสวัสดิ์นะคะคุณคิล" ด้วยความเขินอายทำให้ไม่รู้จะพูดอะไรต่อจึงได้แต่กล่าวลาแทน
"ราตรีสวัสดิ์ครับ เรนอน" สิ้นเสียงของคิลเรนอนก็หันหลังเข้าห้องไปแล้วทำท่าจะปิดประตูทันทีแต่ติดที่ว่ามือแกร่งของชายหนุ่มดึงประตูเอาไว้เสียก่อน
"เธอทำของตกเอาไว้น่ะ"คิลกล่าวแล้วยื่นมือที่ถือดอกลีลาวดีดอกเดิมเอาไว้ออกมาข้างหน้าก่อนจะนำมันไปทัดไว้ที่หูของสาวน้อยอีกครั้ง มือใหญ่จัดผมให้ทัดหูแล้วลูบอย่างแผ่วเบาก่อนจะกล่าวเสียงทุ้มชวนฟัง
"ดอกไม้นี่สวยดีนะ แต่เทียบไม่ได้เลยกับความสวยของเธอ ฝันดีนะเรนอน อย่าลืมฝันถึงฉันล่ะ"กล่าวจบก็ค่อยๆก้มลงจุมพิตบนหน้าผากสวยแล้วผละออกมาก่อนจะค่อยๆปิดประตูให้
เรนอนยืนค้างอยู่หน้าประตูอยู่พักใหญ่กว่าจะดึงสติกลับมาได้ ความอ่อนโยนของชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกเคลิบเคลิ้มจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มือสวยหยิบดอกไม้ขึ้นมาชูไว้ตรงหน้า
"อิตาบ้า ตบหัวแล้วลูบหลังงั้นหรอ คิดว่าฉันจะหลงกลนายอีกรึไง!" ถึงแม้ปากจะพูดว่าแต่กลับยิ้มกว้างอย่างหยุดไม่ได้ ร่างเล็กเดินไปที่โต๊ะหนังสือก่อนจะหยิบสมุดขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วเก็บดอกไม้เอาไว้ข้างในเพื่อที่จะได้เก็บรักษามันเอาไว้เป็นอย่างดี
ส่วนคิลที่ตอนนี้ต้องระเห็จออกมานอนที่ห้องนั่งเล่นรวมก็มิได้เดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใดเพราะคืนนี้เขามีความสุขมาก ร่างใหญ่ทิ้งตัวลงบนที่นั่งยาวที่เตรียมเอาไว้เป็นที่นอนในตอนแรกแล้วนำหมอนอีกใบมากอดเอาไว้ก่อนจะซุกหน้าลงไปกับหมอน ริมฝีปากหยักยังคงคลี่ยิ้มกว้างไม่หุบอยู่ภายใต้หมอน ในหัวยังมีแต่ภาพของสาวน้อยเรนอนที่กำลังเขินอายลอยเต็มไปหมด คืนนี้เขาต้องนอนหลับฝันดีแน่ๆ เขามั่นใจ.........
หนึ่งเดือนต่อมา..........
การเรียนปีสามไม่หมูอย่างที่คิดเมื่อเนื้อหาที่เรียนเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆตามชั้นปีที่สูงขึ้นไหนจะเหล่าบรรดาอาจารย์ที่ต่างพร้อมใจกันสั่งงานราวกับตั้งใจจะให้มันกองทับตัวนักเรียนตาย ไม่เพียงเท่านั้น ในเร็วๆนี้จะมีงานนิทรรศการเปิดโรงเรียนพระราชาให้เด็กต่างโรงเรียนได้เข้ามาเยี่ยมชมยิ่งทำให้ทุกคนชุลมุนวุ่นวายกันไปหมด สภาพนักเรียนปีสามในตอนนี้จึงไม่ต่างอะไรกับศพเดินได้เลยทีเดียว
เฟรินนอนคว่ำหน้าทำการบ้านอยู่บนเตียงของคาโล คิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความเคร่งเครียด มือเล็กขยี้หัวตัวเองจนฟูฟ่องไปหมด เพราะวันนี้ได้เลิกเรียนเร็วจึงตั้งใจว่าจะมาลอกการบ้านคาโลซักหน่อย แต่เพราะคาโลยืนยันว่าต้องให้ฝึกทำด้วยตนเองเจ้าตัวเลยต้องมานอนแกร่วทำการบ้านอยู่บนเตียงนี่ในขณะที่เจ้าชายคนเก่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะสบายใจเฉิบ
"โอ๊ยยยยยยยยยยย ปวดหัววววว ทำไมมันยากอย่างนี้เนี่ยยยยยยย"สาวน้อยตะโกนออกมาลั่นห้องพร้อมกับขยี้หัวอย่างแรงจนผมพันกันยุ่งเหยิงเรียกให้คาโลที่ก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ต้องหันมาสนใจ
"มันไม่ได้ยากขนาดนั้นซักหน่อย ถ้าเธอตั้งใจเรียนในห้องซักนิดเธอก็ทำได้แล้ว" คำกล่าวเรียบๆเรียกให้สาวน้อยหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
"ก็ฉันไม่ได้ฉลาดเหมือนนายนี่จะได้ทำได้ทุกอย่าง! ช่วยก็ไม่คิดจะช่วยยังจะมาซ้ำเติมกันอีก!!" คำกล่าวของหญิงสาวเรียกรอยยิ้มให้ผุดพรายบนใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักของเจ้าชายน้ำแข็งเมื่อเขานึกอะไรดีๆออก ขายาวค่อยๆก้าวเข้าไปหาสาวน้อยที่นอนแผ่อยู่บนเตียงทำให้สาวน้อยที่เริ่มรับรู้ถึงอันตรายรีบหดขาหนีแต่ก็ไม่ทันเมื่อมือแกร่งคว้าข้อเท้าของเธอไว้ก่อนจะดึงให้สาวน้อยเข้ามาอยู่ภายใต้ร่าง
"นายจะทำบ้าอะไรเนี่ยคาโล!!"
"ก็ช่วยทำการบ้านไง"กล่าวหน้าตายแล้วก้มลงซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่นในทันที มือไม้ก็อยู่ไม่สุขลูบไล้ไปทั่วต้นขาเนียนแล้วล้วงลึกเข้าไปในกระโปรงเรื่อยๆจนเกือบจะถึงจุดอ่อนไหวอยู่แล้วเฟรินจึงรีบดันตัวคาโลออกแล้วโวยวายทันที
"จะบ้ารึไง นี่มันคนละการบ้านแล้ว!! พอเลยยยยยย"
"อย่าดิ้นน่า ดิ้นมากการบ้านเสร็จช้าไม่รู้ด้วยนะ" ว่าเสร็จก็ก้มลงประกบจูบบนริมฝีปากอิ่มทันทีทำให้เสียงโวยวายของเฟรินถูกกลืนหายไป มือใหญ่รวบมือเล็กที่พยายามดันตัวเขาออกให้ขึ้นไปอยู่เหนือหัวด้วยมือเพียงข้างเดียวส่วนอีกข้างก็ทำหน้าที่ประสานกับริมฝีปากได้เป็นอย่างดีจนน่าใจหาย เฟรินคิดว่าคงไม่รอดแน่ๆแต่แล้วก็เหมือนมีเสียงระฆังช่วยชีวิตเมื่อมีเสียงเปิดประตูผลัวะเข้ามาพอดีทำให้คาโลต้องหยุดชะงัก
"เห้ยคาโล โรเวนเรียกแกน่ะ........"คิลที่ไม่ทันได้ดูตาม้าตาเรือตะโกนเรียกคาโลก่อนจะต้องอึ้งไปเมื่อพบว่าตัวเองเข้ามาขัดจังหวะสำคัญเข้าให้อีกแล้ว เฟรินรีบคว้าโอกาสที่ทุกคนกำลังเผลอผลักคาโลออกจากตัวแล้ววิ่งปรู๊ดมาหาคิลทันที
"คิลแกมาพอดีเลย! ฉันมีเรื่องอยากคุยกับแกอยู่พอดี" กล่าวจบก็รีบลากเพื่อนรักออกไปจากห้องทันทีทิ้งให้คาโลที่ยังคงค้างคาอยู่ในห้องคนเดียว
หลังจากหนีออกมาจากห้องได้เฟรินก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"ฟุ่วววววว ดีนะที่แกมาทันพอดีไม่งั้นฉันแย่แน่ๆ"ว่างพลางตบบ่าเพื่อนซี๊ปุๆเรียกให้คิลต้องอมยิ้มขำๆกับท่าทีของเพื่อน
"แล้วแกหนีออกมาแบบนี้คาโลมันไม่โกรธแย่หรอ?"
"ไม่หรอกมั้ง....."ตอบออกไปก่อนทั้งๆที่ความจริงก็เริ่มไม่ค่อยจะแน่ใจเท่าไหร่
เฟรินนั่งรอคาโลอยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวมจนดึกดื่นแต่คาโลก็ยังไม่กลับมาซักที เธอรอแล้วรอเล่าจนรู้สึกง่วงขึ้นมาจึงเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว ฝ่ายคาโลที่เพิ่งเลิกประชุมเสร็จเดินกลับเข้ามาเห็นเฟรินนอนอยู่ก็ต้องแปลกใจแต่ก็พอจะเดาได้ว่าคงออกมานั่งรอเขาแน่ๆจึงคลี่ยิ้มออกมาบางๆแล้วเดินเข้าไปหาสาวน้อยกะว่าจะแกล้งเล่นซักหน่อย
เฟรินรู้สึกตัวว่ามีบางอย่างหนักๆทับตัวอยู่อีกทั้งยังรู้สึกจักจี้แถวๆคอด้วยจึงค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อพบว่ามีคนกำลังซุกไซร้ซอกคออยู่และเพราะตอนนี้ดึกมากแล้วห้องนั่งเล่นรวมจึงมืดไปหมดทำให้มองไม่เห็นว่าเป็นใครจึงร้องโวยวายออกมา
"ชุ่วววววววววว เงียบๆสิ เดี๋ยวคนทั้งป้อมก็ได้ตื่นขึ้นมากันพอดี!" เสียงที่ดังขึ้นทำให้เฟรินจำได้ว่าที่แท้คนที่อยู่บนร่างเธอก็คือคาโลนั่นเอง
"ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย นี่มันห้องนั่งเล่นรวมนะ!
"ก็คนมันคิดถึงหนิ อีกอย่างเมื่อตอนเย็นที่เธอทิ้งฉันไปกับคิลฉันก็ยังไม่ได้สะสางเลยนะ" แกล้งเอ่ยเสียงดุแล้วก้มลงประทับจูบไปทั่วใบหน้าหวานแต่เพราะเกรงว่าจะมีคนมาเห็นเข้าเฟรินจึงรีบดันหน้าของคาโลออก
"หยุดเลยนะนายจะหื่นไปถึงไหนเนี่ยยยยย"
"หื่นงั้นหรอ?" เสียงเรียบนิ่งที่ดังขึ้นทำให้เฟรินใจแป้วหน่อยๆแต่ก็ยังคงทำใจดีสู้เสือ
"ก็มันจริงนี่ นายคอยแต่จะเอาเปรียบฉันตลอดเวลาเลย เอะอะก็จับเอะอะก็จูบ"
"เธอคงจะรังเกียจมันมากสินะ" เสียงเย็นๆทำให้สาวน้อยใจ ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม คาโลกำลังโกรธเธอแล้วแน่ๆ
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ....."
"ไม่ใช่แล้วอะไร ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเอาแต่ปฏิเสธฉันตลอด ฉันก็แค่อยากจะกอดอยากจะจูบคนที่ฉันรักก็แค่นั้นเอง ก็ได้ ถ้าเธอรังเกียจกันมากนัก ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยุ่งกับเธออีก" เสียงเย็นเยียบกล่าวจบอย่างไร้เยื่อใยแล้วก้าวไวๆไปทางห้องของตนทันที
"เดี๋ยวสิคาโล!"เฟรินรีบร้องห้ามแล้ววิ่งตามคาโลไปแต่ก็ไม่ทันเมื่อร่างสูงปิดประตูใส่หน้าเธอไปเสียแล้ว เฟรินได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน อยากจะเคาะประตูแล้วเรียกให้ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องแต่นี่มันก็ดึกมากแล้วขืนทำอย่างนั้นมีหวังได้โดนเพื่อนๆออกมาด่าแน่ๆจึงทำได้แค่เดินคอตกกลับห้องไปแล้วหวังว่าพรุ่งนี้จะมีโอกาสให้ได้ง้อ
แต่ดูเหมือนโอกาสที่รอจะหายากเสียเหลือเกินเพราะงานนิทรรศการเปิดโรงเรียนพระราชาที่ใกล้เข้ามาทำให้ทุกคนยุ่งวุ่นวายไปหมดโดยเฉพาะคาโลที่ต้องรับผิดชอบซุ้มของปีสามทำให้เฟรินไม่ได้เจอหน้าคาโลเลยตลอดหลายวันที่ผ่านมา ตอนนี้เฟรินก็เลยต้องมานั่งห่อเหี่ยวอยู่ในห้องของคาโลกับคิลเพื่อรอให้คาโลกลับมาที่ห้องจะได้หาโอกาสคุยได้แต่รอแล้วรอเล่าคาโลก็ยังไม่โผล่มาซักที
"เห้ออออออออออ" เสียงถอนหายใจยาวของเพื่อนทำให้คิลต้องหันมาสนใจ
"นี่แกยังไม่คืนดีกะคาโลอีกหรอ?"
"คืนดีกับผีน่ะสิ แค่หน้าฉันยังไม่ได้เห็นเลย ไอ้น้ำแข็งงี่เง่านั่นเอาแต่หลบหน้าฉันตลอด" เอ่ยอย่างท้อแท้แล้วถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ทำให้คนเป็นเพื่อนอดที่จะเห็นใจไม่ได้
"พรุ่งนี้แกก็ไปที่ซุ้มปีสามสิ ยังไงแกก็ต้องได้เจอมันแน่ๆเพราะคาโลต้องคุมซุ้มอยู่ที่นั่น" คำกล่าวของเพื่อนเรียกกำลังใจให้เพิ่มขึ้นมาได้หน่อยเฟรินจึงลุกขึ้นแล้วเตรียมตัวจะออกจากห้อง
"นั่นแกจะไปไหน"
"กลับห้องสิ ดึกป่านนี้ยังไม่กลับมาคงจะประชุมจนถึงเช้าละมั้งสู้ฉันกลับไปนอนเอาแรงเตรียมตัวเตรียมใจไว้รับมือกับวันพรุ่งนี้ดีกว่า" กล่าวจบก็เดินออกจากห้องไปทันทีทิ้งให้คิลมองตามด้วยความงงงวยในอารมณ์ของเพื่อนที่ดูจะเปลี่ยนแปลงไวซะเหลือเกิน
วันนี้เป็นวันงานนิทรรศการเปิดโรงเรียนพระราชาให้นักเรียนจากต่างโรงเรียนได้เข้ามาเยี่ยมชม เด็กนักเรียนมากหน้าหลายตาจึงแห่กันเข้ามาในเอดินเบิร์กที่ไม่ได้หาโอกาสเข้ามากันได้ง่ายๆ นักเรียนแต่ละชั้นปีของแต่ละปราสาทต่างก็มีซุ้มเป็นของตัวเองโดยแต่ละซุ้มก็จะมีกิจกรรมต่างกันไป เริ่มตั้งแต่ซุ้มให้ความรู้ทางวิชาการของปราการปราชญ์ ซุ้มจัดแสดงของมีค่าของพระราชาจากปราสาทขุนนาง ซุ้มของกินของแผ่นดินประชาชน และสุดท้ายจะขาดไปไม่ได้เป็นอันขาดนั่นก็คือซุ้มแห่งความสนุกสนานและเกมการละเล่นจากป้อมอัศวิน(ที่ไม่ได้มีส่วนไหนของซุ้มเกี่ยวข้องกับป้อมเลยแม้แต่น้อย)
เฟรินเดินชมงานไปเรื่อยๆจนมาถึงซุ้มเป้าหมายนั่นก็คือซุ้มของป้อมอัศวินปีสามที่มีเจ้าชายคาโล วาเนบลี ออฟคาโนวาลเป็นผู้คุมซุ้ม ร่างสูงยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มเด็กๆมากมายที่รายล้อมกำลังอธิบายกติกาการเล่นเกมด้วยเสียงนุ่มๆน่าฟัง
"เอาล่ะ เกมนี้มีชื่อว่าเกมพระราชานะ กติกาก็คือคนที่เป็นพระราชาคือคนที่หมุนขวด หากปากขวดไปหยุดชี้อยู่ที่ใครคนๆนั้นต้องทำตามที่พระราชาสั่งทุกอย่าง หากไม่ทำจะต้องถูกลงโทษ และคนที่โดนชี้ก็จะได้เป็นพระราชาคนต่อไป ในรอบแรกฉันจะให้ตัวแทนจากป้อมอัศวินมาสาธิตให้ดูก่อนนะ" กล่าวจบก็ผายมือไปทาง คิล โร เรนอนและแองเจลิน่าที่ยืนอยู่ข้างหลัง
"ฉันเล่นด้วยคนสิ! ตาแรกฉันขอเป็นพระราชาเอง" เสียงใสๆที่ดังขึ้นดึงความสนใจของทุกคนไปในทันที คาโลขมวดคิ้มมุ่นเมื่อเห็นว่าคนที่พูดแทรกขึ้นมาคือแม่หัวขโมยตัวแสบของเขานั่นเอง เมื่อเห็นว่าคาโลไม่พูดอะไรเฟรินจึงเข้าไปนั่งร่วมวงกับเพื่อนๆอีกสี่คนแล้วเริ่มหมุนขวดทันที
ขวดหมุนติ้วๆอยู่ห้าหกรอบก่อนจะค่อยๆหมุนช้าลงแล้วหยุดลงที่คิลพอดี เจ้าคนอาสาเป็นพระราชายิ้มกริ่มเพราะนี่คือสิ่งที่เขาตั้งใจ ขนาดทอยลูกเต๋าสี่ลูกให้เรียงกันเป็นตั้งเดียวยังทำได้ แค่หมุนขวดให้ชี้ไปทางคนที่ต้องการไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหัวขโมยแห่งบารามอสคนนี้อยู่แล้ว
"อืมมมม คิล ฟีลมัส ข้า เดอะคิงออฟเอดินเบิร์กขอสั่งให้เจ้าไปบอกรักคนที่ชอบแล้วขอเป็นแฟน ณ บัดนี้!!" คำสั่งของไอ้คนที่อุปโลกตัวเองขึ้นมาเป็นคิงเรียกให้เพื่อนซี้ต้องเบิกตากว้างแต่แล้วก็ต้องอมยิ้มเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวดีมันขยิบตามาให้ยิบๆแล้วบุ้ยใบ้ปากไปทางเรนอนเป็นเชิงกระตุ้น คิลจึงลุกขึ้นไปหยิบดอกกุหลาบที่จัดไว้ประดับซุ้มขึ้นมาดอกหนึ่งแล้วเดินตรงเข้าไปหาเจ้าหญิงแห่งคาโนวาลแล้วค่อยๆคุกเข่าลงตรงหน้าเจ้าหญิงคนงามก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น
"ดอกกุหลาบดอกเดียว หมายถึง เธอจะเป็นหนึ่งเดียวของฉันเท่านั้น ฉันสัญญาว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อเธอแต่เพียงผู้เดียว เรนอน ธีนอต เดอะปรินเซสออฟคาโนวาล เธอจะรับรักจากฉัน คีล ฟีลมัสคนนี้ได้หรือไม่" นัยน์ตาสีม่วงฉายความจริงใจอย่างเห็นได้ชัดมองจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตของหญิงสาว มือใหญ่ยื่นดอกกุหลาบไปข้างหน้าอย่างหวังจะให้เจ้าหญิงคนสวยรับไว้แทนใจตน เรนอนรู้สึกเขินเป็นอย่างมากจึงได้แต่ยืนยิ้มหน้าแดงไม่ยอมรับดอกไม้เสียที เฟรินเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเอ่ยกระตุ้น
"อ้าว จะรับหรือไม่รับก็บอกออกมาซักทีเถอะคุณเรนอน ไอ้คิลมันเกร็งจนฉี่จะแตกอยู่แล้วนั่นเห็นมั้ย" คำกล่าวหยอกล้อของเฟรินเรียกเสียงหัวเราะจากผู้คนรอบข้างให้ดังขึ้น เรนอนก็หัวเราะตามไปด้วยและในที่สุดก็ตัดสินใจยื่นมือเรียวออกมารับดอกกุหลาบเอาไว้
"ตกลงค่ะ ฉันจะรับรักคุณคิล" สิ้นคำตอบรับของเรนอนคิลก็ลุกขึ้นมาคว้าตัวร่างบางเอาไว้ในอ้อมกอดแล้วเหวี่ยงเป็นวงกลมไปรอบๆเรียกเสียงปรบมือจากคนดูและเสียงโห่ร้องจากเพื่อนๆชาวป้อมอัศวินให้ดังขึ้น เฟรินก็เป็นหนึ่งในคนที่ปรบมือและโห่ร้องจนสุดเสียง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหลังไวๆของคนที่ต้องการจะง้อเดินออกจากซุ้มไปทำให้เธอต้องรีบวิ่งตามไปทันที
"เดี๋ยวสิคาโล นายจะไปไหนน่ะ" มือเรียวคว้าข้อมือใหญ่เอาไว้ทำให้คาโลต้องหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามองด้วยสายตาเย็นเยียบ
"ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ต้องเจอเธอ"
"นายจะหนีหน้าฉันไปอีกนานแค่ไหนกัน"
"มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ ไม่มีฉันจะได้ไม่มีคนมาคอยกวนใจยุ่มย่ามกับเธออีกไง"
"ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเลยนะ ฉันขอโท....." ยังไม่ทันจะพูดจบคำดีคาโลก็สะบัดมือเธอออกแล้วเดินจากไปทันทีทิ้งให้เฟรินต้องมองตามอย่างเศร้าสร้อย
เฟรินกลับมารอคาโลที่ห้องเพราะไม่รู้จะไปที่ไหนแล้วอีกทั้งไม่รู้จะทำยังไงคาโลจึงจะหายโกรธจึงได้แต่นั่งถอนหายใจทิ้งอย่างเหนื่อยอ่อน เสียงประตูที่เปิดออกทำให้เฟรินต้องรีบหันหน้าไปมองด้วยความดีใจเพราะคิดว่าเป็นคาโลแต่แล้วก็กลับเป็นคิล ฟีลมัสเพื่อนซี้นักฆ่าที่เดินยิ้มระรื่นเข้ามาทำให้เฟรินต้องผิดหวังเป็นอย่างมาก
"ยิ้มระรื่นมะเชียวนะแก อิจฉาคนมีความรักชะมัด" เฟรินว่าประชดเพื่อนตัวดีที่เพิ่งจะสละโสดมาหยกๆอย่างหมั่นไส้เรียกให้เพื่อนรักต้องเลิกคิ้วขึ้น
"พูดอย่างกับแกไม่มีความรักงั้นแหละ"
"รักคุดน่ะสิไม่ว่า แค่หน้าฉันมันยังไม่อยากจะมองเลย"
"คาโลยังโกรธแกอยู่อีกหรอ?"
"ก็ใช่น่ะสิ ฉันไม่รู้จะง้อยังไงดีแล้วเนี่ย โอ๊ยยยยยยย" ว่าพลางก็ทึ้งหัวตัวเองแล้วล้มตัวลงไปนอนกลิ้งบนเตียงของคนขี้งอนเรียกให้เพื่อนรักอดที่จะสงสารปนสมเพชไม่ได้ พลันสายตาก็ไปปะทะกับคทาที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือเข้าทำให้คิดอะไรดีๆออก
"ฉันรู้แล้ว เรื่องนี้น่ะมันต้องมีที่ปรึกษา"
"ที่ปรึกษางั้นหรอ?"
"ใช่แล้ว ที่ปรึกษาที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะให้คำแนะนำดีๆกับแกได้"ว่าพลางก็เดินไปหยิบคทาสีดำสนิทที่มีหัวลูกแก้วเป็นสีขาวขึ้นมา นิ้วเรียวดึงผ้าที่ปิดลายบนคทาเอาไว้ออก ทันใดนั้นร่างสีขาวมุกโปร่งแสงก็พุ่งออกมาจากคทาทันที ผีพี่สาวในคทาจ้องมองมาทางเฟรินก่อนกล่าวขึ้นด้วยเสียงแหลมสูง
"ว่าไงคะนายหญิง ไปทำอิท่าไหนอีกล่ะถึงทำให้นายท่านโกรธเข้าได้"
"เพราะไม่ยอมให้ทำซักท่าต่างหากถึงได้งอนตุ๊บป่องๆอยู่นี่ พี่สาวพอจะมีวิธีง้อผู้ชายบ้างไหม"
"ผู้ชายเขารักเรางอนยังไงก็หายโกรธได้ไม่ยากหรอก แค่ต้องรู้ว่าเขาต้องการอะไรแล้วก็ ให้ ในสิ่งที่เขาต้องการก็เท่านั้น" คำแนะนำของผีพี่สาวทำให้สาวน้อยหน้าขึ้นสีทันที ก็ไอ้สิ่งที่คาโลต้องการจะคืออะไรล่ะถ้าไม่ใช่........
"แล้ว.....ฉันจะให้ในสิ่งที่คาโลต้องการได้ยังล่ะ ในเมื่อหน้าฉันมันยังไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ"
"เข้าไปตรงๆไม่ได้ก็ต้องหาวิธีทำให้เปิดใจก่อน นายท่านน่ะต้องการนายหญิงอยู่แล้วแค่ตอนนี้ยังไม่ยอมเปิดใจก็เท่านั้นเอง"
"ทำให้เปิดใจอย่างนั้นหรอ?" เฟรินถามด้วยความงุนงง แล้วไอ้ทำให้เปิดใจมันต้องทำยังไงกันล่ะ แล้วทำไมยัยผีพี่สาวในคทาต้องยิ้มด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มแบบนั้นด้วย เห็นแล้วใจคอไม่ค่อยจะดียังไงก็ไม่รู้..........
เฟรินยืนหลบอยู่หลังเสาต้นหนึ่งที่ค่อนข้างลับตาคน วันนี้คาโลมีเข้าเวรรักษาความปลอดภัยกะดึกกะแรก แล้วนี่ก็ถึงเวลาเปลี่ยนกะแล้วเฟรินจึงมาดักรอพบเขาที่นี่เพราะยังไงคาโลก็ต้องเดินผ่านทางนี้เพื่อจะกลับป้อมอัศวิน ร่างบางหายใจเข้าออกลึกๆเพื่อทำใจกับสิ่งที่กำลังจะต้องทำ ทำอะไรน่ะหรอ? ก็ทำตามคำแนะนำของยัยผีสาวจอมจุ้นน่ะสิ
"นายหญิงต้อง ยั่ว ให้นายท่านหลงก่อนค่ะ"
"ยั่วหรอ!?"
"ใช่ค่ะ การยั่วยวนจะทำให้นายท่านชะงักได้และไม่ปฏิเสธนายหญิง หลังจากนั้นเมื่อนายท่านเริ่มเปิดใจแล้วก็แสดงให้เขาเห็นว่าท่านไม่ได้รังเกียจเขาอย่างที่เขาเข้าใจ
และเพราะไอ้คำแนะนำทำให้เปิดใจบ้าๆนั่นเธอถึงต้องมายืนดักรอคาโลอยู่นี่ ใจเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นกับสิ่งที่ต้องทำ เกิดมาไม่เคยคิดว่าจะต้องมา ยั่วยวน ผู้ชายแบบนี้มาก่อน รู้ถึงไหนขายหน้าเค้าไปถึงนั่น
เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาทำให้เฟรินใจเต้นแรงยิ่งกว่าเก่า เธอค่อยๆชะโงกหน้าไปดูก่อนจะพบว่าคนที่เดินมาคือคาโลจริงๆเสียด้วย ร่างเล็กรีบกลับเข้ามาหลบอยู่หลังเสาตามเดิมก่อนจะหายใจเข้าออกลึกๆ นับตามจังหวะก้าวเดินของคาโลในใจก่อนจะพุ่งตัวออกไปคว้าตัวของคาโลเอาไว้แล้วดันแผ่นหลังกว้างเข้ากับเสา
นัยน์ตาสีฟ้าวาวโรจน์ขึ้นชั่วขณะก่อนจะอ่อนแสงลงเมื่อรับรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เฟรินหอบหายใจถี่ด้วยความตื่นเต้นก่อนจะค่อยๆเอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่นพร่า
"คาโล นายกำลังเข้าใจฉันผิด ฉันไม่เคยรังเกียจนายเลยนะ"
ดวงตาสีฟ้ายังคงเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ดวงหน้าคมเบือนหนีไปอีกทางอย่างไม่ต้องการจะพูดด้วยเรียกให้สาวน้อยต้องเบือนใบหน้านั้นให้กลับมามองตน
"ให้ฉันพิสูจน์ให้นายเห็นนะ"กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาแล้วค่อยๆประทับจูบลงบนริมฝีปากหยัก ลิ้นเล็กพยายามๆไล้เลียเข้าไปในโพรงปากอุ่นอย่างเงอะงะทำให้คาโลอดที่จะเอ็นดูไม่ได้จึงตอบรับสัมผัสเบาๆ เฟรินรู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อคาโลไม่ปฏิเสธจูบมือเล็กจึงค่อยๆลูบไล้ไปทั่วแผงอกแกร่งแล้วลูบไล้ต่ำลงไปเรื่อยๆจนถึงขอบกางเกงตัวสวย มือเรียวค่อยๆปลดตะขอออกก่อนจะล้วงเข้าไปสัมผัสกับสิ่งที่อยู่ข้างในที่เริ่มตื่นตัวหน่อยๆ มือเรียวค่อยๆชักขึ้นลงเป็นจังหวะเนิบนาบทำให้คาโลส่งเสียงครางอยู่ในคออย่างพึงพอใจ
"อืมมมมมมมม" เฟรินผละจูบก่อนจะค่อยๆก้มลงคุกเข่าให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับสะโพกของร่างสูง มือเล็กยังคงปรนเปรอให้กับร่างสูงอย่างต่อเนื่อง สาวน้อยช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าราวรูปสลักที่บัดนี้ปิดความพอใจเอาไว้ไม่มิดแล้วค่อยๆแตะปลายลิ้นเข้ากับส่วนหัวก่อนจะไล้วนอยู่อย่างนั้น ลิ้นเล็กโลมเลียไปเรื่อยๆตั้งแต่ส่วนหัวไปจนจรดความยาวความแก่นกายใหญ่ก่อนจะไล้วนย้อนกลับมาที่ส่วนหัวอีกครั้ง ปากเล็กค่อยๆอ้าออกกว้างแล้วดูดกลืนแก่นกายเข้าไปให้ลึกที่สุดจนคับปากแต่ด้วยขนาดที่ใหญ่มากทำให้สาวน้อยดูดกลืนไปได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เฟรินเริ่มขยับศีรษะเข้าออกอย่างเนิบช้าพร้อมๆกับมือเรียวที่คอยชักนำส่วนที่เหลือไปด้วย ลิ้นเล็กโลมเลียพร้อมๆกับริมฝีปากที่ดูดดุนท่อนเนื้อร้อนราวกับของอร่อยจนคาโลต้องครางซี๊ดด้วยความเสียว มือแกร่งจับที่กลุ่มผมสีน้ำตาลของสาวน้อยเพื่อช่วยให้เธอดูดกลืนตัวตนของเขาได้ลึกยิ่งขึ้น ปากเล็กขยับเข้าออกอย่างรวดเร็วจนคาโลรู้สึกว่าใกล้จะถึงฝั่งฝันเต็มทีแล้วจึงจับไหล่บางให้หยุดชะงักเพราะเขายังไม่อยากให้มันจบลงง่ายๆ มือแกร่งดึงตัวของสาวน้อยให้ยืนขึ้นแล้วดันแผ่นหลังบางเข้ากับเสาบ้าง ปากหยักชิงจูบลงมาอย่างรวดเร็วและเร่าร้อนตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง มือแกร่งคว้าขาทั้งสองข้างของสาวน้อยขึ้นให้เกี่ยวเอวตนไว้ทำให้เฟรินตัองรีบกอดคอร่างสูงไว้เพื่อกันตก ร่างสูงสอดใส่ความเป็นชายเข้าไปในตัวของร่างบางจนสุดในคราเดียวโดยไม่มีการเบิกทางก่อนทำให้เฟรินต้องเผลอร้องออกมา
"อื้ออออออออออออ" ชายหนุ่มเริ่มขยับสะโพกทันทีที่รู้สึกว่าหญิงสาวปรับตัวได้แล้ว แรงกระแทกทำให้สะโพกของเธอกระเด้งขึ้นก่อนจะกดทับลงมาตามแรงโน้มถ่วงทำให้แก่นกายสอดเข้าไปได้ลึกมากขึ้นทุกครั้ง เหงื่อเม็ดโตผุดพรายขึ้นตามใบหน้าสวยแล้วไหลลงไปบนแขนแกร่งแต่ก็ไม่มีใครสนใจจะเช็ดมันออกเพราะต่างคนต่างกำลังตกอยู่ในห้วงลึกแห่งความสุขสม สะโพกแกร่งขยับถี่เร็วขึ้นเรื่อยๆจนเฟรินรู้สึกเหมือนจะไปอยู่รอมมะร่อจึงต้องจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างเพื่อระบายอารมณ์
"อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อื้มมมมมมม คาโล ฉันจะไม่ไหวละ..."เสียงครางของเฟรินขาดหายไปเพราะมือใหญ่ที่ถูกนำมาปิดปากเธอไว้ คาโลชะงักการกระทำทุกอย่างไว้ชั่วคราวแล้วกระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ
"ชู่วววววว เงียบๆไว้ มีคนกำลังเดินมาทางนี้" คำพูดของคาโลทำให้หญิงสาวต้องเบิกตากว้างก่อนจะรีบชะโงกหน้าไปดูก็พบว่ามีคนกำลังเดินมาทางนี้จริงๆ โร เซวาเรสกับครี้ดธันเดอร์กำลังเดินพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเพราะกำลังจะไปเข้าเวรต่อ
เฟรินต้องตกใจเมื่อจู่ๆคาโลก็เริ่มขยับสะโพกอีกครั้ง มือใหญ่ยังคงปิดปากของเธอไว้เพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดรอดออกมาแต่ช่วงล่างกลับขยับถี่รัวจนเฟรินแทบทนไม่ไหว ขืนคาโลยังทำแบบนี้ต่อเธอต้องเผลอหลุดเสียงครางออกไปแน่ มือเรียวกอดคอของร่างสูงเอาไว้แน่นก่อนจะซบหน้าลงไปกับไหล่กว้างเมื่อรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว คาโลกระแทกเข้ามาไม่ยั้งก่อนจะปลดปล่อยเข้าไปในตัวหญิงสาวจนหมดทำให้เฟรินเผลอหลุดเสียงครางออกมาอย่างช่วยไม่ได้แล้วก็ต้องกลั้นหายใจเมื่อเสียงฝีเท้าหยุดกึกตรงหน้าเสาที่เธอกับเฟรินหลบอยู่พอดี
"นายได้ยินเสียงอะไรมั้ยครี้ด" โร เซวาเรสถามขึ้น
"ไม่หนิ นายได้ยินเสียงอะไรหรอ?"ครี้ด ธันเดอร์ถามแล้วทำท่าจะชะโงกเข้ามาดูข้างหลังเสาแต่ดีที่โรขัดขึ้นเสียก่อน
"คงไม่มีอะไรหรอก ฉันอาจจะหูฝาดไปเองหรือไม่ก็อาจจะเป็นแมวซักตัว เรารีบไปกันเถอะ" กล่าวจบก็ก้าวเดินต่อทำให้ครี้ดต้องหันกลับไปแล้วรีบเดินตามไปทันที
เฟรินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะค่อยๆลงมายืนขาสั่นๆบนพื้น
"เห้อออออออ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ นายน่ะเล่นบ้าอะไรทำไมไม่ยอมหยุดห้ะ!"
"ก็ฉันทนไม่ไหวแล้วนี่ ใครใช้ให้เธอมายั่วฉันก่อนเองล่ะ" คำกล่าวของคาโลเรียกให้แก้มขาวขึ้นสีระเรื่อ ก็จริงอย่างที่มันพูด เธอเป็นคนยั่วเขาก่อนเองจริงๆ
"ถ้าอย่างนั้น นายหายโกรธฉันแล้วใช่มั้ย" กล่าวด้วยเสียงมีความหวังแล้วจ้องดวงหน้ารูปสลักของเจ้าชายน้ำแข็งอย่างอ้อนๆทำให้คาโลรู้สึกหมั่นเขี้ยวจนอยากแกล้งขึ้นมา
"ไม่รู้สิ น่าจะหายแล้วแหละมั้งแต่ยังไม่หายสนิทเท่าไหร่ สงสัยคงต้องพิสูจน์ต่ออีกหน่อยว่าเธอไม่รังเกียจฉันจริงรึเปล่า" กล่าวจบก็ก้มลงจุมพิตที่ปากสวย มือใหญ่บีบขยำก้นงอนอย่างเอาแต่ใจแล้วค่อยๆพลิกให้ร่างบางหันหน้าเข้าหากำแพง
"อีกซักสองสามรอบน่าจะพอ"กระซิบที่ข้างใบหูด้วยเสียงแหบพร่าก่อนจะขบเบาๆที่ติ่งหูสวยให้สาวน้อยเสียวเล่นๆ เพลงรักบรรเลงขึ้นอีกครั้งในที่ลับแห่งนี้ท่ามกลางดวงจันทร์และดวงดาวที่เป็นพยานว่าเฟริน เดอเบอโรว์ มิได้รังเกียจสัมผัสของคาโล วาเนบลีแต่อย่างใด..........