วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559

หัวขโมยแห่งบารามอสตอนพิเศษภาค 2 ตอนที่ 6 : ใต้แสงจันทร์ [NC 18+]

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ทวิตเตอร์ Bam_Bam1A


                “ฉันรักนายนะ คาโล......”  ทันทีที่มือของเฟรินตกลงข้างตัวหัวใจของคาโลราวกับแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งใหลลงมาราวทำนบแตก คาโลร้องเรียกชื่อเฟรินซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อหวังว่าเธอจะกลับมา
                “เฟริน เฟริน ฟื้นขึ้นมาสิ ได้โปรด ลืมตาขึ้นมามองฉันหน่อยเถอะ เฟริน....” คาโลครวญครางราวจะขาดใจโถมตัวลงกอดร่างของเฟรินไว้แนบอก ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก ผู้คนที่ยืนอยู่รายล้อมต่างก็ร่ำไห้ไปตามๆกัน
                “คาโล พอเถอะ” ท่านจ้าวกล่าวขึ้นแล้ววางมือลงบนบ่าของคาโล แต่เขากลับส่ายหัวปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง คาโลก้มลงจุมพิตบนริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้ไม่มีเลือดแดงฝาดอีกต่อไปแล้ว แต่ทันทีที่ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันก็ราวกับมีคลื่นพลังบางอย่างแผ่ออกมาทำให้เกิดลมพัดวูบใหญ่ คาโลผละออกมาก่อนจะต้องตกใจเมื่อพบว่าร่างของเฟรินกำลังเปลี่ยนไป ผมสีน้ำตาลที่เคยยาวสลวยบัดนี้กลับหดสั้นลงเรื่อยๆ ส่วนเว้าส่วนโค้งที่เคยมีก็ค่อยๆหายไป ใบหน้าหวานค่อยๆเปลี่ยนเป็นกระด้างขึ้นแต่ยังคงเค้าเดิมอยู่ ร่องรอยฟกช้ำและบาดแผลตามตัวก็ค่อยๆหายไปราวปาฏิหาริย์ ทันใดนั้นเฟรินก็สะดุ้งเฮือกเหมือนวิญญาณกลับเข้าร่าง เธอลืมตาโพลงขึ้นทันทีทำให้คาโลดีใจจนต้องคว้าเธอเข้ามากอดไว้แน่น
                 “เฟริน เธอยังไม่ตาย!!! เธอยังไม่ตายจริงๆด้วย!!”
                 “เอ่อ...แต่ถ้านายยังกอดฉันแน่นขนาดนี้ฉันอาจจะได้ตายจริงๆก็ได้นะ” เฟรินกล่าวขำๆก่อนจะตบที่แผ่นหลังกว้างเบาๆทำให้คาโลรีบคลายอ้อมกอดออกทันที
                 “โทษที พอดีฉันดีใจไปหน่อย” เฟรินหัวเราะก่อนจะหันไปหาพ่อของเธอ ท่านจ้าวยิ้มกว้างแล้วกางแขนออกทำให้เฟรินต้องโผเข้ากอดทันที ท่านจ้าวโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนก่อนจะลูบศีรษะเธอเบาๆด้วยความรักใคร่
                “อย่าทำให้พ่อใจหายแบบนี้อีกนะ เฟลิโอน่า” เฟรินผละออกจากอ้อมกอดของพ่อก่อนจะยิ้มให้จนตาหยี
                “ต่อไปนี้ลูกจะไม่ทำให้ท่านพ่อเป็นห่วงอีกแน่นอน ลูกสัญญา อ้อ แล้วอีกอย่าง ตอนนี้เรียกว่าเฟลิโอน่าคงจะไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนลูกจะกลับมาเป็นเด็กผู้ชายนามว่าเฟริน เดเบอร์โรว์อีกแล้วล่ะ” กล่าวพลางลูบไปตามเนื้อตัวของตนเองเพื่อตรวจสอบ เฟรินใช้มือคลำหน้าอกที่แบนราบของตนขึ้นๆลงๆจนคาโลทนไม่ไหวต้องบอกให้หยุดก่อนที่มันจะอุจาดตาไปมากกว่านี้
                “ใช่ ใช่ เรื่องนี้เราคงต้องไปปรึกษากับโกโดมกันว่าจะมีวิธีคืนร่างให้ลูกโดยไม่ต้องใช้จิ้งจอกเก้าหางมั้ย”
                “ไม่คืนร่างก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ฮะ เป็นผู้ชายแบบนี้ก็สบายดีจะตายไป” กล่าวจบก็หัวเราะอย่างเริงร่าก่อนจะต้องสะดุดกึกเมื่อหันไปสบนัยน์ตาดุของคาโลเข้าจึงรีบทำเป็นเปลี่ยนเรื่องโดยหันไปหาคิล โร และโรเวนที่ยืนอยู่ไม่ไกล เฟรินรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินไปกอดคอคิลกับโรทันที
                “เนื่องในโอกาสที่ฉันฟื้นคืนชีพแถมยังได้กลับมาเป็นผู้ชายอีกต่างหาก เราไปฉลองกันหน่อยเป็นไง” เฟรินกล่าวขึ้นทำให้คิล โรและโรเวนต้องหัวเราะไปตามๆกันก่อนทั้งสี่จะพากันเดินออกจากสนามประลองทิ้งให้คาโลต้องมองตามด้วยความเหนื่อยใจ
                “ทำใจหน่อยนะ ได้ข่าวว่าทำเขาไว้เยอะเหมือนกันหนิ งานนี้เฟรินต้องเอาคืนเธอแน่ๆ” ท่านจ้าวกล่าวพร้อมกับตบบ่าเขาเบาๆก่อนจะหัวเราะแล้วเดินจากไป

             พระราชวังหลวงแห่งเดมอสในวันนี้เปิดให้เหล่าประชาชนจากเอเดนและเดมอสเข้ามาร่วมเฉลิมฉลองในวโรกาสที่เจ้าหญิงเฟลีโอน่า เกรดเดเวล(ถึงตอนนี้จะเป็นผู้ชายก็เถอะ)ฟื้นคืนชีพ ทั่วทั้งพระราชวังอึกทึกไปด้วยเสียงเพลงและเสียงเฮฮาจากทั้งเหล่ามนุษย์ คนแคระ ยักษ์และสัตว์ประหลาดอีกมากมายที่ในเวลานี้ดูกลมกลืนกันดีราวกับเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน เฟริน คิล โร และโรเวนนั่งอยู่รวมกับทุกๆคนในโต๊ะอาหารใหญ่ตัวนึงที่มีทั้งอาหารคาวหวานเลิศรศ และแน่นอน สุราชั้นดีจากคลังสุราหลวงถูกนำมาเปิดขวดแล้วขวดเล่าจากคำสั่งของเจ้าของงานเลี้ยงในวันนี้ เจ้าหญิงเฟลีโอน่าในคราบเฟริน เดอเบอร์โรว์นั่นเอง
                “พวกแกรู้มั้ย ฉันได้ข่าวจากท่านพ่อมาว่าอาเธอร์ถูกส่งไปภูเขาไฟโลกันตร์เมืองยักษ์ล่ะ แค่คิดสภาพว่าอาเธอร์ต้องทำงานหนักแลกข้าวกินฉันก็ขำจนท้องขดท้องแข็งแล้ว สะใจจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ” ทุกคนในโต๊ะต่างพากันหัวเราะครื้นเครงไปตามๆกัน เฟรินดื่มอีกซักพักก็เริ่มรู้สึกว่าเมามากแล้วจึงขอตัวไปนอนก่อน
                “ทุกคนเต็มที่กันต่อเลยนะ ฉันขอตัวไปพักหน่อยล่ะ วันนี้ผ่านอะไรมาเยอะจริงๆ” พูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืนโซเซจนคิลจะเข้ามาพยุงตัวแต่เฟรินกลับห้ามเขาไว้
                “ไม่ต้องๆ ตอนนี้ฉันเป็นผู้ชายแข็งแรงดีเหมือนๆกับแกนั่นแหละ ไม่ต้องเป็นห่วง แค่นี้สบายม๊ากกกก เอิ้ก!” พูดจบก็ออกเดินไปทางห้องของตนเองทันที เฟรินเดินโซซัดโซเซไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็มาถึงหน้าห้องของตนจนได้ เธอเปิดประตูเข้าไปพบว่าห้องทั้งห้องมืดมิดไปหมด เฟรินคลำทางไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็ไปถึงเตียงนอนจนได้เธอทิ้งตัวลงบนเตียงทันทีอย่างไม่คิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสียเวลาแต่จู่ๆไฟในห้องก็สว่างวาบขึ้น เฟรินขยี้ตาอย่างงัวเงียเพราะแสงไฟที่แยงเข้าตา
                “เฟริน ไปอาบน้ำก่อน” คาโลนั่นเองที่เป็นคนจุดไฟขึ้น เขานั่งลงบนเตียงข้างๆเธอก่อนจะพยายามรั้งแขนเธอให้ลุกขึ้นจากเตียง
                “ไม่เอาาาาาาาาาาาาา ฉันง่วงงงง จะนอนนนนนน” เฟรินงอแงก่อนจะดึงหมอนมาปิดหน้าพยายามจะนอนต่อแต่คาโลก็ไม่ยอมง่ายๆเขาพยายามดึงหมอนออกจากหน้าของเธอแล้วดึงตัวเธอให้ลุกขึ้น
                “เฟริน จะลุกไปอาบเองดีๆหรือจะให้ฉันเป็นคนอาบให้” เสียงดุๆของคาโลไม่ทำให้เฟรินกลัวซักนิด ตรงกันข้ามเจ้าตัวกลับขำพรืดออกมาแทน
                “ไม่ต้องมาขู่เลย ตอนนี้มุขนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้วล่ะ เพราะฉันเป็นผู้ชาย ฉันไม่กลัวนายหรอกนะ”
                “เป็นผู้ชายแล้วยังไง ยังไงเธอก็เป็นคู่หมั้นของฉันอยู่ดี”
                “นายหมายความว่าไง.....”คำพูดของคาโลเริ่มทำให้เธอเกิดความคิดแปลกๆขึ้นมา ไม่น่า คาโลคงไม่บ้าขนาดนั้น.....
                “ก็หมายความว่า ฉันไม่สนว่าเธอจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายน่ะสิ และบางทีฉันก็อยากจะลองดูเหมือนกัน ว่าร่างไหนของเธอจะปั่นหัวฉันขึ้นมากกว่ากัน” กล่าวพลางก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆจนเธอหายใจติดขัด ริมฝีปากหยักเกือบจะประจูบลงมาอยู่แล้วถ้าไม่ติดที่ว่า.......
                “เอิ้ก! แหวะะะะะะะะะ” เฟรินสะอึกขึ้นมาก่อนจะรีบหันหน้าหนีแทบไม่ทันเมื่อรู้สึกได้ถึงของที่กินไปเมื่อเย็นที่เริ่มตีย้อนกลับขึ้นมา เธออ้วกรดที่นอนเต็มไปหมดทำเอาคาโลต้องส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจก่อนจะพาเธอไปล้างเนื้อล้างตัว

              แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องเพราะม่านที่ถูกเปิดขึ้นทำให้หนุ่มน้อยหน้าหวานที่นอนสลบสไลอยู่บนเตียงกว้างต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยความขัดใจก่อนจะยกหมอนขึ้นมาปิดหน้าไว้แล้วพยายามนอนต่อ เรียกให้โกโดม โคมุสผู้เปิดม่านต้องกระโดดขึ้นไปบนเตียงแล้วดึงหมอนที่ปิดหน้าเธออยู่ออก
                 “ตื่นได้แล้วพะยะค่ะเจ้าหญิง”
                 “อย่ายุ่งน่าเจ้ากวาง ฉันจะนอนนนนน” เฟรินโวยวายก่อนจะพยายามยื้อหมอนกลับคืนมาแต่ก็ต้องชะงักกึกเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของโกโดม
                  “ถ้ายังไม่ยอมตื่น กระหม่อมจะให้เจ้าชายคาโลมาปลุกแทนนะพะยะค่ะ” เพียงแค่ได้ยินชื่อคาโลก็ทำเอาเจ้าหัวขโมยตัวดีตาสว่างรีบลุกขึ้นมาทันที
                  “ตื่นแล้วน่าๆๆ มีอะไรถึงได้มาปลุกฉันแต่เช้าขนาดนี้เนี่ย”
                  “กระหม่อมหาวิธีคืนร่างให้เจ้าหญิงได้แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ให้เจ้าหญิงเตรียมตัวให้พร้อม เราจะได้เริ่มทำพิธีกันเลย”
                  “อะไรนะ!? ทำไมเร็วนักล่ะ ฉันนึกว่าจิ้งจอกเก้าหางตายไปหมดแล้วซะอีก”
                  “ใช่พะยะค่ะ จิ้งจอกเก้าหางตายไปหมดแล้ว แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้เลือดของมันอีกต่อไป ครั้งนี้พระองค์ต้องคำสาปด้วยจุมพิตจากเจ้าชายแห่งคาโล ดังนั้นการแก้คำสาปก็ต้องให้เจ้าชายคาโลเป็นคนทำ”
                   “ห้ะ มะ..หมายถึงจะให้คาโลจูบกับฉันในร่างผู้ชายเนี่ยนะ! ฟ้าได้ผ่าตายกันพอดี!” แค่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก็ทำให้เธอขนลุกขึ้นมาแล้ว ถึงจะรู้ว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นผู้หญิงแต่มันก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้อยู่ดีถ้าจะให้คาโลมาทำอะไรแบบนั้นกับตนในร่างที่เป็นผู้ชายแบบนี้
                   “ถ้าทำอย่างนั้นฟ้าคงได้ผ่าเอาจริงๆอย่างที่ท่านว่า แต่โชคดีหน่อยที่สิ่งที่เราต้องการเป็นเพียงเลือดเล็กน้อยจากเจ้าชายคาโลก็เท่านั้น” คำตอบของโกโดมทำเอาเฟรินต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แค่คิดว่ากลับมาเป็นผู้ชายได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องกลับไปเป็นผู้หญิงแล้วทำให้เธอรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก อีกอย่าง....มันมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เธอยังไม่อยากกลับเป็นผู้หญิง เหตุผลนั้นก็คือคาโล....
                     “แต่ว่า ฉันยังไม่อยากกลับไปเป็นผู้หญิงเลยนี่ เป็นผู้ชายสนุกกว่าตั้งเยอะ เลื่อนพิธีการไปก่อนไม่ได้หรอเจ้ากวาง นะๆๆๆๆๆ ขอร้องล่ะ นะๆๆๆๆ” กล่าวพลางเขย่าตัวโกโดมไปมาจนเขาชักจะเวียนหัวแต่ก็ต้องหยุดการกระทำลงทันทีเมื่อมีเสียงดังแทรกขึ้นจากทางประตูห้อง
                     “ไม่ได้!” คาโลนั่นเองที่ยืนปั้นหน้าดุอยู่หน้าประตูห้องของเธอ
                     “ทำไมล่ะ!”
                     “ก็เพราะเธอเป็นผู้หญิงน่ะสิ ยังไงก็ต้องกลับไปเป็นผู้หญิง”
                     “มันก็ใช่แต่ฉันแค่อยากจะขอเป็นผู้ชายนานกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไงกัน”
                     “ไม่ได้” กล่าวพลางเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะหยุดยืนเอามือไพล่หลังตรงหน้าเธอแล้วค่อยๆโน้มตัวลงยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ
                     “เพราะฉันคิดถึงเธอ อยากกอดเธอในร่างผู้หญิงจะแย่แล้ว” คำพูดหวานเลี่ยนทำเอาเฟรินหน้าขึ้นสีแดงจัดจนต้องแก้เขินด้วยการผลักอกเขาให้ออกห่างจากตัว
                     “หรือถ้าเธอยังอยากเป็นผู้ชายอยู่ ฉันอาจจะทนไม่ไหวเผลอทำอะไรลงไปทั้งๆที่เธอยังเป็นผู้ชายอยู่ก็ได้นะ” กล่าวจบก็เดินออกจากห้องไปปล่อยให้เธอต้องบ่นงุบงิบอยู่คนเดียว
                     “อย่างนี้มันมัดมือชกกันชัดๆ!!”


                 เฟรินยืนอยู่ภายในข่ายมนตร์รูปดาว มีโกโดมและคาโลยืนประจันหน้าเธออยู่ ในมือของโกโดมมีถ้วยทองใส่ของเหลวสีใสอยู่ เขายื่นถาดไปตรงหน้าคาโล คาโลยื่นมือข้างหนึ่งไปเหนือถาดก่อนจะใช้มีดกรีดลงกลางฝ่ามือของตน เลือดสีสดหยดลงบนของเหลวสีใสเปลี่ยนให้มันกลายเป็นสีแดงฉานในบัดดล
                 โกโดมเริ่มร่ายเวทย์มนตร์ เสียงท้องฟ้าคำรามลั่นสนั่นหวั่นไหว ลมพายุพัดโหมกระหน่ำแล้วฝนก็เทโครมสาดเข้ามาในเขตของท้องพระโรง เสียงฟ้าฟาดเปรี้ยงดังลั่น พลันทันใดแสงอาทิตย์ก็ค่อยๆถูกกลืนกินด้วยเหตุการณ์ราหูอมตะวัน
                 ท้องฟ้าค่อยพลันมืดมิดลงเรื่อยๆ ก่อนที่ความมืดมิดจะปกคลุมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง พลันหมอกสีดำทะมึนก็พวยพุ่ง แสงไฟในตัวอาคารดับพรึ่บ เหลือเพียงแสงจากไฟเย็นสีฟ้าที่ลุกโชน
                 เสียงสายฟ้าค่อยเบาลง เบาลง
                 จากที่ไม่มีก็กลับปรากฏ คทาสิบสองอัน
                 คทาสีทองลอยปรากฏตัวขึ้นในความมืด หมุนวนอยู่นอกตาข่ายมนตร์ ทอแสงสว่างแล้วค่อยพากันขยับไปรอบๆก่อนจะทิ้งตัวปักมั่นลงกับพื้น
                 แล้วโกโดมก็เอ่ยวาจาเป็นภาษาโคมุสร้องลั่นเป็นครั้งสุดท้าย
                 แสงสว่างพุ่งทะลักออกจากร่างของเฟริน สัมผัสความร้อนในกายที่กำลังจะระเบิดจนต้องหวีดเสียงร้องลั่น
                 ของเหลวสีแดงสดในถ้วยทองสาดโครมเข้าร่าง ควันสีขาวพวยพุ่งไปทั่วปกคลุมร่างของเฟรินจนหายไปจากสายตา
                 ควันค่อยๆจางหายไป โครงร่างของผู้ที่ยืนอยู่กลางข่ายมนตร์เริ่มชัดเจนขึ้น รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรมีส่วนเว้าส่วนโค้ง ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวลงมาถึงกลางหลัง และเมื่อควันจางหายไปจนหมดใบหน้าหวานงดงามของเฟลีโอน่า เกรดเดเวล เดอะปรินเซสออฟเดมอสก็ปรากฏแก่สายตา


                  แสงจันทร์สีเหลืองนวลที่ส่องกระทบต้องผิวของร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงเบื้องหน้าของเขาแลงดงามน่ามองยิ่งนัก คาโลค่อยๆลูบไล้อย่างแผ่วเบาไปทั่วผิวเนียนก่อนจะก้มลงประทับจูบแผ่วเบาบนคอระหงส์ เฟรินตัวสั่นขึ้นน้อยๆเมื่อริมฝีปากของเขาสัมผัสลงบนผิวของเธอ คาโลพรมจูบไปทั่วลำคอขาวเนียนไล้มาจนถึงเนินอกอิ่ม เขาค่อยๆดึงเชือกที่ผูกรั้งชุดนอนบางเบาของเธอออกก่อนจะค่อยๆร่นเสื้อลงให้ประอยู่ที่ไหล่มน ริมฝีปากซุกซนพรมจูบลงบนไหล่มนแล้วไล่กลับไปที่ซอกคอขาวอีกครั้งก่อนจะขบเม้มสร้างรอยแสดงความเป็นเจ้าของทำให้เฟรินถึงกับสะดุ้ง คาโลเชยคางมนให้หันกลับมาหาตนเพื่อหวังจะจูบปลอบประโลมแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ร่างบางสั่นอย่างรุนแรงราวกับกำลังกลัว
                      “เฟริน! เป็นอะไรน่ะ ร้องไห้ทำไม” คาโลรีบถามขึ้นอย่างเป็นกังวล
                      “ฮึก ฉัน..ฉันขอโทษ...ฉันกลัว.........” พูดด้วยเสียงสั่นเครือที่แสดงความกลัวอย่างเห็นได้ชัดยิ่งทำให้คาโลกังวลหนักยิ่งขึ้น
                       “กลัวอย่างนั้นหรอ? เธอกลัวอะไร?”
                       “ฉะ....ฉันกลัว นะ...นาย.....” คำตอบของเฟรินทำเอาคาโลอึ้งไปชั่วขณะ แววตาสีน้ำตาลที่สั่นไหวนั่นบ่งบอกว่ากำลังกลัวเขาอยู่จริงๆ
                       “ทุกครั้งที่นายสัมผัสฉัน ภาพตอนที่นาย....ทำร้ายฉันมันก็คอยผุดขึ้นมาอยู่เรื่อย มันทำให้ฉันกลัว.......” กล่าวจบก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักยิ่งกว่าเก่าทำให้คาโลต้องคว้าตัวเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด เขาไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำอะไรลงไปบ้าง เฟรินจะต้องเจ็บปวดและหวาดกลัวมากแค่ไหนกันนะ เห็นเธอเจ็บปวดขนาดนี้ใจเขาเองกลับเจ็บปวดยิ่งกว่า เขาได้แต่โทษตัวเองที่ทำร้ายเฟรินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
                       “ฉันขอโทษ ฉันมันแย่เองที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้กับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งๆที่เคยสัญญากับเธอไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก”
                       “ฮึก มันไม่ใช่ความผิดของนายซักหน่อย นายไม่รู้ตัวนี่” ปฏิเสธทั้งน้ำตาราวกับเด็กน้อยขี้แยทำให้คาโลต้องผละเธอออกจากอ้อมกอดแล้วใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอให้อย่างแผ่วเบา
                        “คราวนี้ฉันสัญญาว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วจริงๆ การเสียสละของเธอทำให้ส่วนดำมืดในจิตใจของฉันถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นแล้ว ฉันจะไม่มีวันทำร้ายเธอแบบนั้นอีกเป็นอันขาด เพราะฉะนั้นครั้งนี้ ขอโอกาสให้ฉันแก้ตัวอีกซักครั้งจะได้มั้ย เชื่อใจฉันอีกซักครั้งเถอะนะ” คาโลกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มทว่าหนักแน่น เฟรินพยักหน้าให้เขาเบาๆทั้งๆที่ยังสะอื้นอยู่ เขาค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าใกล้เธออย่างช้าๆ ทำให้เธอค่อยๆหลับตาลงเพื่อรอรับสัมผัสอันอ่อนโยน จุมพิตอันอ่อนหวานถูกมอบให้แก่สาวน้อยที่กำลังหวาดกลัวราวกับจะปลอบประโลมจิตใจอันบอบช้ำ ปากหยักจูบซับน้ำตาทั่วทั้งใบหน้ามนจนน้ำตาเหือดแห้งไปจนหมดก่อนจะค่อยๆประคองเฟรินให้นอนลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา
                   "ฉันจะลบล้างความกลัวในจิตใจของเธอเอง" กล่าวจบก็สานต่อสิ่งที่ค้างไว้ คาโลดึงเชือกส่วนที่เหลืออยู่ออกจนสุดที่สะดือสวย ใบหน้าคมก้มลงจุมพิตที่เนินอกอิ่ม พรมจูบลงมาเรื่อยๆจนถึงหน้าท้องแบนราบแล้วมาหยุดอยู่ที่สะดือสวยก่อนจะใช้ลิ้นเลียลงไปในช่องว่างทำให้เฟรินรู้สึกวาบหวิวในช่องท้องจนขนลุกซู่ไปหมด ลิ้นร้อนลากลงมาเรื่อยๆจนถึงเนินเนื้ออันบอบบาง เขาค่อยๆจับขาเรียวให้แยกออกก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปในปากทางรักสีหวานแล้วไล้วนอยู่อย่างนั้นทำเอาเฟรินต้องเกร็งหน้าท้องเพื่อต้านความเสียว คาโลเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นปุ่มนูนสีชมพูที่อยู่เหนือปากทางรัก เขาใช้ลิ้นละเลงลงไปก่อนจะดูดดุนจนมันเปลี่ยนเป็นสีทับทิมทำเอาสาวน้อยเสียวกระสันจนต้องจิกเท้าลงบนเตียง มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาปิดปากส่วนมืออีกข้างก็จิกแน่นอยู่กับผ้าปูที่นอนจนยับย่นไปหมด
                        "ไม่ต้องกลั้นไว้หรอก ปล่อยเสียงร้องออกมาเถอะ ฉันอยากได้ยินเสียงหวานๆของเธอ" คาโลเร่งความเร็วขึ้นจนสะโพกอิ่มอยู่ไม่ติดเตียง มือที่เคยปิดปากของเธออยู่เปลี่ยนมาขยุ้มที่กลุ่มผมสีเงินของคาโลแทน
                        "อื้อออออออออ คาโล......อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาา" เธอส่งเสียงครางหวานออกมาโดยไม่รู้ตัวก่อนจะกระตุกเกร็งสองสามครั้งแล้วปล่อยน้ำใสๆให้พุ่งกระฉูดออกมาจากปากทางรัก คาโลดูดกลืนน้ำหวานทุกหยาดหยดจนไม่มีเหลือ เขาเงยหน้าขึ้นมามองร่างบางที่หอบหายใจจนตัวโยนเพราะความสุขสมที่ได้รับ นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างมองเธอด้วยสายตาหยาดเยิ้มราวจะกลืนกินก่อนจะค่อยๆแลบลิ้นออกมาเลียวนรอบริมฝีปากตัวเองเพื่อเก็บกินน้ำหวานทุกหยาดหยดที่ยังเหลือค้างอยู่ทำเอาเฟรินหน้าร้อนวูบวาบด้วยความเขิน
                         คาโลค่อยๆถอดเสื้อของตนออกเผยให้เห็นมัดกล้ามขาวจัด กล้ามท้องเป็นลอนสวยกระเพื่อมขึ้นลงแผ่วเบาตามจังหวะการหายใจ เฟรินรู้สึกตัวว่าเผลอมองเขานานเกินไปแล้วจึงรีบหันไปมองทางอื่น พวงแก้มใสขึ้นสีแดงจัดชัดเจนแม้อยู่ภายในความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์ให้ความสว่าง คาโลหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความเอ็นดู มือใหญ่เชยคางมนให้หันมาสบตาก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบาลงบนริมฝีปากอิ่ม ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปโนโพรงปากอุ่นก่อนจะเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างหยอกล้อ จูบอันอ่อนโยนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจุมพิตอันร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ คาโลใช้จังหวะที่เฟรินกำลังเคลิ้มแทรกตัวตนเข้าไปในตัวเธออย่างแผ่วเบา เขาสัมผัสไปทั่วร่างกายเธอเพื่อให้เธอผ่อนคลายมากที่สุดก่อนจะดันตัวตนให้เข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ เฟรินผละจูบออกอย่างกระทันหันก่อนจะบีบไหล่ของคาโลไว้แน่นเมื่อเขาดันตัวตนเข้าไปจนสุด คาโลก้มลงประทับจูบให้แก่เฟรินอีกครั้งเพื่อให้เธอละความสนใจจากความอึดอัดที่ช่วงล่างเขายังคงไม่ยอมขยับสะโพกจนกระทั่งรู้สึกได้ว่าเฟรินหายเกร็งแล้ว
                        สะโพกสอบเริ่มขยับอย่างอ่อนโยนทำให้เฟรินรู้สึกเสียววาบอย่างบอกไม่ถูก คาโลเปลี่ยนเป้าหมายจากปากอวบอิ่มมาที่ยอดอกสีทับทิมแทน เขาดูดดุนมันราวกับอมยิ้มรสอร่อย สลับข้างซ้ายขวาไม่ให้น้อยหน้ากันในขณะที่สะโพกสอบก็ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เขาขยับอย่างเนิบนาบแล้วเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆก่อนจะผ่อนความเร็วลงสลับกันไปมาทำเอาสาวน้อยใต้ร่างแทบสำลักความสุข ขาเรียวเกี่ยวสะโพกแกร่งเอาไว้แน่นเพื่อให้เขาเข้าไปในตัวเธอได้ลึกยิ่งขึ้น เมื่อรู้สึกได้ว่าเธอใกล้จะถึงจุดสูงสุดอีกครั้งคาโลจึงเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขาขยับเข้าออกถี่รัวและไม่ผ่อนความเร็วลงเลยจนเฟรินต้องจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างเพื่อระบายอารมณ์ คาโลกระแทกเน้นๆอีกสองสามครั้งก่อนจะปลดปล่อยเข้าไปในตัวเธอพร้อมๆกับที่เฟรินกรีดร้องออกมาเมื่อเสร็จสมอารมณ์หมายไปอีกรอบ
                         ทั้งคู่หอบหายใจอย่างหนักหน่วงลมหายใจเป่ารดกันและกันราวกับเพิ่งไปวิ่งมาหลายกิโลเมตร
                         "เป็นยังไงบ้าง หายกลัวฉันหรือยัง" คาโลกระซิบเผ่าเบาด้วยเสียงแหบพร่าเพราะยังหอบหายใจอยู่
                         "อื้ม" เฟรินตอบรับในลำคอด้วยเสียงแผ่วเบา ถึงแม้คาโลจะได้ยินแล้วแต่คนขี้แกล้งกลับแกล้งทำเป็นไขสือ
                          "ห้ะ อะไรนะ? ไม่ได้ยินเลย เสียงเบาอย่างนี้สงสัยคงยังไม่หาย ดูท่าจะต้องต่ออีกสักรอบแล้วล่ะ"
                         "ไม่เอาแล้ว!! ฉันหายกลัวแล้ว" เฟรินรีบพูดออกมาเสียงดังทันทีเมื่อเห็นว่าคาโลทำท่าจะทำจริงตามที่พูด
                          "แน่ใจหรอ? ลองอีกซักทีดีมั้ยเผื่อยังไม่หายดี" ไม่พูดเปล่ายังยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเฟรินต้องรีบดันอกแกร่งเอาไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้มากกว่านี้
                          "พอเลยนะไอ้เจ้าชายน้ำแข็งลามก"
                          "ฮ่าๆๆๆๆๆ ก็ได้ๆๆ พอก็ได้ แต่ขอนอนกอดเธอเอาไว้แบบนี้ได้มั้ย" เฟรินพยักหน้าให้เบาๆก่อนจะซุกหน้าลงกับอกแกร่ง คาโลกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะก้มลงประทับจูบบนหน้าผากมนอย่างแผ่วเบา
                          "ได้กอดธิดาแห่งความมืดใต้แสงจันทร์แบบนี้ก็อุ่นดีเหมือนกันนะ"
                          "ฉันก็ไม่เคยคิดว่าอ้อมกอดของเจ้าชายน้ำแข็งจะอุ่นขนาดนี้เหมือนกันนั่นแหละ"
                          "ฉันสัญญา ว่าจะไม่มีใครมาพรากอ้อมกอดนี้ไปจากเธอได้อีก"
                          "ฉันก็สัญญาเหมือนกันว่าจะซุกอยู่ในอ้อมอกของนายเพียงคนเดียวตลอดไป" กล่าวพลางถูไถหน้าไปมากับอกแกร่งทำให้คาโลต้องยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูก่อนจะลูบหัวเธอเบาๆ เขาลูบหัวเธอไปเรื่อยๆจนในที่สุดทั้งคู่ก็หลับไปใต้แสงจันทร์............

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559

หัวขโมยแห่งบารามอสตอนพิเศษภาค 2 ตอนที่ 5 : จ้าวปีศาจแห่งเดมอส ปะทะ พ่อมดปีศาจแห่งคาโนวาล

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ทวิตเตอร์ @Bam_Bam1A


            เฟรินค่อยๆลืมตาขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า สิ่งแรกที่เธอรับรู้คือเธออยู่ในพาหนะบางอย่างที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ สิ่งต่อมาที่รับรู้คือความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วร่าง แรงกระแทกจากพาหนะที่กำลังเคลื่อนที่ยิ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวมากขึ้นไปอีก เฟรินพยายามจะขยับตัวไปที่หน้าต่างแต่เธอก็พบว่ามือและเท้าของเธอถูกมัดเอาไว้ทำให้เธอไม่สามารถขยับไปไหนได้
            เกวียนเทียมม้าค่อยๆผ่อนความเร็วลงก่อนจะหยุดนิ่งสนิท เฟรินรับรู้ได้ถึงเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เธอมากเรื่อยๆ เสียงฝีเท้าหยุดลงตรงหน้าเกวียนของเธอพอดีก่อนที่คนที่ยืนอยู่ข้างนอกจะเปิดผ้าม่านขึ้นส่งผลให้แสงสว่างจ้าส่องผ่านเข้ามากระทบตาจนเธอต้องรีบหลับตาปี๋
            เธอกระพริบตาพี่ๆเพื่อปรับให้ชินกับแสงก่อนจะมองเห็นใบหน้าของผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าที่กำลังส่งรอยยิ้มเยาะเย้ยมาให้อยู่
            “ว่ายังไง ธิดาแห่งความมืด เมื่อคืนฮันนีมูนกับคู่หมั้นเป็นยังไงบ้าง ถึงใจดีมั้ยล่ะ?” อาเธอร์กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขันที่ทำเอาเฟรินหน้าชาวาบ ความโกรธทำให้เธอพยายามพุ่งตัวเข้าหาเขา แต่เพียงแค่ขยับความปวดร้าวก็แล่นริ้วขึ้นมาจนต้องลงไปนอนกองกับพื้นเกวียนตามเดิม นั่นยิ่งทำให้อาเธอร์หัวเราะขบขันดังยิ่งกว่าเดิม
            “แกต้องการอะไรจากฉัน จับตัวฉันมาทำไม ทำไมไม่ฆ่าฉันให้มันจบๆไปซะ!
            “ถ้าฆ่าเธอแล้วฉันจะเอาอะไรไปต่อรองกับจ้าวปีศาจพ่อของเธอล่ะ? อีกอย่าง เธอยังมีประโยชน์เกินกว่าจะฆ่าทิ้งเสียเฉยๆ อย่างน้อยเธอก็ทำให้คาโลอารมณ์ดีขึ้นได้ล่ะนะ หึหึหึ” คำพูดหยาบโลนของเขาทำให้เธอโกรธจนตัวสั่นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าจ้องหน้าเขาเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
            “เพราะฉะนั้นกินข้าวเอาแรงซักหน่อยเถอะ เผื่อคืนนี้คาโลต้องการตัวเธออีก จะได้มีแรงไง” กล่าวพร้อมยิ้มให้ก่อนจะตักข้าวจากจานข้าวที่ถือมาจ่อเข้าที่ปากของเธอ เฟรินใช้มือที่โดนมัดอยู่ทั้งสองข้างปัดชามข้าวให้ตกลงบนพื้นอย่างแรงแล้วสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น
            “หึ ไม่กินก็ตามใจ แต่อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคืนนี้ล่ะ คาโลสุดที่รักของเธอรออยู่นะ” กล่าวจบก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจก่อนจะเดินลงจากเกวียนไปทิ้งให้เธอต้องเจ็บใจอยู่คนเดียว
           
            คืนนี้กองทัพของปรินซ์อาเธอร์ตั้งค่ายอยู่ที่ชายป่าก่อนจะเข้านครจันทรา เฟรินที่ตอนนี้ถูกมัดแค่ข้อมือถูกทหารสองคนเดินนำไปที่กระโจมใหญ่หลังหนึ่ง เมื่อเดินมาถึงทางเข้ากระโจมพวกเขาก็หยุดเพื่อแกะเชือกที่มัดข้อมือของเธออยู่ออกก่อนจะผลักเธอเข้าไปภายในกระโจม
            เฟรินเสียหลักล้มลงบนพื้นเพราะร่างกายของเธอตอนนี้ยังไม่หายดี เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปทั่วกระโจมก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่บนเตียงกว้างที่มีร่างสูงอันคุ้นเคยนั่งอยู่ที่ปลายเตียง แววตาสีฟ้ากระจ่างเหมือนกับคืนก่อนไม่ผิดเพี้ยน เป็นแววตาที่บ่งบอกถึงอันตราย แววตาหิวกระหายที่กำลังจ้องมองเธอราวกับอยากจะขยี้เธอให้แหลกคามือ
            มือใหญ่ยื่นออกมาข้างหน้าก่อนเฟรินจะรู้สึกเหมือนมีแรงบางอย่างดึงตัวเธอให้เข้าไปหา เพียงพริบตาเดียวเธอก็มานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาเสียแล้ว เมื่อคาโลเริ่มปลดตะขอกางเกงออกเธอก็รู้ได้ทันทีว่าจะต้องเจอกับอะไรต่อไป เฟรินก้มหน้าลงปล่อยให้น้ำตารินไหลจากใบหน้าหยดลงบนพื้นอย่างยอมรับในชะตากรรม มือแกร่งช้อนคางมนให้เงยขึ้น ดวงตากลมโตสีน้ำตาลที่เคยสะท้อนแววสุกใสบัดนี้กลับมีเพียงความเจ็บปวดเข้ามาแทนที่ เธอพยายามค้นเข้าไปในดวงตาสีฟ้ากระจ่างด้วยความหวังลมๆแล้งๆว่าจะพบชายคนที่เธอรักอยู่ในนั้นแต่ก็ล้มเหลว สิ่งที่เธอพบมีเพียงซาตานที่เตรียมพร้อมจะทรมานเธออีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง......

            เฟรินลืมตาขึ้นมาในเช้าวันใหม่และพบว่าเธอยังคงอยู่ในกระโจมของคาโลเหมือนเดิม เธอหันไปข้างๆยังที่ๆคาโลควรจะนอนอยู่แต่กลับพบว่ามันว่างเปล่า เสียงบางอย่างที่บริเวณทางเข้ากระโจมทำให้เธอต้องหันขวับไปมองก็พบว่าเป็นหญิงรับใช้สองคนที่ถืออ่างใส่น้ำและเสื้อผ้าเข้ามา ทั้งคู่เดินมาหยุดตรงหน้าเตียงของเธอก่อนจะโค้งทำความเคารพให้แล้ววางของลงที่โต๊ะข้างเตียงแล้วตรงเข้ามาพยายามทำความสะอาดตัวเธอทันที
            “เดี๋ยวก่อน นี่ หยุดนะ! พวกเธอจะทำอะไรเนี่ย!” เฟรินโวยวายใหญ่โตจนสาวใช้ยอมหยุดเพื่ออธิบายให้เธอฟัง
            “ก็เตรียมตัวท่านให้พร้อมน่ะสิคะ”
            “พร้อม? พร้อมสำหรับอะไร?”
            “เดี๋ยวท่านก็รู้เองแหละค่ะ ตอนนี้ปล่อยให้เราทำความสะอาดตัวท่านดีๆเถอะ ไม่งั้นเราอาจต้องให้ทหารยามหน้าห้องมาทำแทนนะ”  เพราะคำขู่นั้นทำให้เฟรินยอมหยุดโวยวายแล้วปล่อยให้สาวใช้ทำงานต่อแต่โดยดี สาวใช้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดแขนเธอเบาๆแต่มันกลับทำให้เธอเจ็บจนต้องร้องออกมาเมื่อมันเผลอไปโดนตรงรอยช้ำจากฝีมือของคาโลที่สร้างไว้ทั่วตัวเธอพอดี สาวใช้ชะงักด้วยความตกใจก่อนจะลูบเบาๆที่บริเวณรอยช้ำ เฟรินรับรู้ได้ว่าสายตาที่เธอมองมันมีความสงสารอย่างเห็นได้ชัดทำให้เธอเลือกที่จะใช้ความสงสารให้เป็นประโยชน์
            “พี่สาว พี่ก็รู้ใช่มั้ยว่าทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้” สาวใช้เงยหน้าขึ้นมองเธอก่อนจะหรุบตาลงแล้วพยักหน้าให้เบาๆ
            “คนรักของฉันกลายเป็นปีศาจร้ายที่ทำร้ายฉันเอง ฉันไม่รู้ชะตากรรมตัวเองเลยว่าจะต้องเจอกับอะไรอีก ฉันกลัว......” ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การหลอกล่อให้สาวใช้ยอมเผยความลับแต่สิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมดล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น มันทำให้เธอน้ำตารื้นขึ้นมาจนสาวใช้ใจอ่อนยวบ เธอหันไปมองหน้าสาวใช้อีกคนอย่างขอความเห็น เมื่อเห็นว่าเพื่อนพยักหน้าให้แล้วจึงหันมาพูดกับเธอ
            “ท่านไม่ต้องกลัวว่าเขาจะทำร้ายท่านหรอกค่ะ อย่างน้อยก็ตอนนี้.....”
            “ตอนนี้หรอ? หมายความว่ายังไง?”
            “ปรินซ์อาเธอร์ส่งสาส์นท้ารบไปยังจ้าวปีศาจเอวิเดส เขาขอให้จ้าวปีศาจออกมาสู้ตัวต่อตัวกับท่านคาโลแล้วเขาจะยอมส่งตัวท่านกลับไปให้ หากไม่ยอม เขาจะฆ่าท่านซะ....” คำพูดของสาวใช้ทำให้เธออึ้งไปชั่วขณะ ท่านพ่อกับคาโลตัวต่อตัวอย่างนั้นหรอ? แล้วใครจะชนะล่ะ? อีกฝ่ายก็เป็นจ้าวปีศาจที่มีพลังมหาศาลเหนือใคร ส่วนอีกฝ่ายก็ยังไม่มีใครรู้ขีดจำกัดความสามารถมาก่อน แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่าเรื่องที่คนทั้งคู่ล้วนเป็นคนที่เธอรัก ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะมันก็ไม่เป็นผลดีกับเธอทั้งนั้น
           
            สาวใช้จัดการทำความสะอาดตัวเธอจนเสร็จเรียบร้อยพร้อมแต่งองค์ทรงเครื่องให้เธอจนดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อยแต่ก็ไม่อาจอำพรางร่องรอยม่วงช้ำที่มีอยู่ทั่วตัวได้หมด เสียงเป่าแตรที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนตื่นตัวขึ้นมาทันที เสียงอึกทึกวุ่นวายที่ดังขึ้นข้างนอกกระโจมทำให้เธอยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมา
            “จ้าวปีศาจ!! จ้าวปีศาจเอวิเดสอยู่ที่นี่แล้ว!” เสียงตะโกนนั้นทำให้ทั้งสามคนในกระโจมหันมามองหน้ากันพร้อมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากทันที
            “คงถึงเวลาที่ท่านต้องออกไปหาท่านพ่อของท่านแล้วล่ะค่ะ”

            สาวใช้นำตัวเฟรินเดินออกจากกระโจมไปยังลานกว้างกลางค่ายที่จัดทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อการประลองในครั้งนี้โดยเฉพาะ ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมยาวผมดำถักเปียยาวลงมาที่ยืนตระหง่านอยุ่กลางลานจะเป็นใครไม่ได้นอกจากจ้าวปีศาจเอวิเดส พ่อของเธอนั่นเอง
            “ท่านมาคนเดียวตามสัญญาจริงๆสินะ จ้าวปีศาจ” อาเธอร์กล่าวขึ้นพร้อมโค้งให้น้อยๆ
            “ใช่ ข้ามาคนเดียวตามที่สัญญา ลูกสาวข้าอยู่ที่ไหน?”สุรเสียงทรงอำนาจทำให้ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นขนลุกชันไปตามๆกันแต่อาเธอร์กลับยังยิ้มอยู่ได้ เขาส่งสัญญาณให้สาวใช้พาเฟรินไปยืนข้างๆก่อนจะตอบกลับท่านจ้าวไป
            “ลูกสาวของท่านปลอดภัยดีอยู่ที่นี่ ท่านจะได้ตัวนางคืนไปทันทีหากท่านเอาชนะคาโลได้” เฟรินเหลือบมองไปทางคาโลทันทีที่อาเธอร์กล่าวถึงเขา คาโลยังคงดูนิ่งขรึมและเย็นชาเหมือนปกติมิได้ดูหวาดเกรงต่อความน่าเกรงขามของพ่อของเธอแต่อย่างใด
            “ถ้าอย่างนั้นก็มาทำให้มันจบๆซักทีเถอะ” ท่านจ้าวกล่าวด้วยสุรเสียงทรงอำนาจก่อนจะก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อแสดงถึงการเตรียมพร้อม อาเธอร์หันไปพยักหน้าให้คาโล คาโลจึงก้าวออกไปข้างหน้า เฟรินมองตามเขาไปอย่างเป็นห่วงจนเขาไปหยุดอยู่ตรงหน้าท่านพ่อของเธอพอดี
            ฉับพลันทันใดท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใสไร้เมฆหมอกบดบังก็พลันมืดครึ้มลงทันตา เสียงฟ้าร้องครามครันตามมาด้วยสายฟ้าที่ฟาดลงตรงกลางระหว่างคู่ต่อสู้ทั้งคู่ส่งผลให้แผ่นดินแยกออกจากกันทันที ทั้งคู่ร่ายเวทย์สร้างลูกไฟขึ้นมาฝ่ายจ้าวปีศาจเป็นลูกไฟสีดำ ฝ่ายคาโลเป็นลูกไฟสีขาว ฉับพลันทั้งคู่ก็ปล่อยลูกไฟเข้าปะทะกันจนเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว ลำแสงทั้งสองมาบรรจบกันตรงกลางต่างพยายามดันลำแสงให้ไปหาอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนพลังของทั้งคู่จะสูสีกันไม่น้อยเพราะต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ หากใครเผลอเพลี่ยงพล้ำไปแม้เพียงนิดก็อาจจะทำให้ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ได้
            เฟรินเฝ้ามองการต่อสู่ด้วยความกระวนกระวาย หัวใจของเธอราวกับถูกบีบคั้นทุกครั้งที่ลำแสงเอนเอียงไปหาฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากเกินไป ตอนนี้ทั้งคู่ก็ต่อสู่กันมานานพอสมควรแล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีใครยอมแพ้ใคร มือของทั้งคู่เริ่มสั่นด้วยความล้าเพราะต้องต้านแรงพลังจากอีกฝ่ายไว้ ในวินาทีใดวินาทีหนึ่งนี้อาจจะมีใครซักคนทนไม่ไหวขึ้นมาก็ได้ เฟรินตัดสินใจทำบางอย่างที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าในชีวิตหัวขโมยจะทำได้ เธอสลัดตัวออกจากการกอบกุมของสองสาวใช้ก่อนจะวิ่งลงไปกลางสนามประลอง เฟรินกระโดดเข้าไปตรงจุดที่ลำแสงทั้งสองมาเชื่อมต่อกันพอดี ร่างของเธอสว่างวาบขึ้นก่อนที่ลำแสงจะเปลี่ยนเป็นสีทอง ลำแสงเล็กๆสีทองแตกออกจากร่างเธอก่อนจะล้อมเธอไว้เป็นวงกลมและพาให้ร่างเธอลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ปล่อยพลังเวทย์ทั้งสองมือสั่นเทิ้มด้วยแรงพลังที่ถูกปลดปล่อยออกจากตัวของเฟรินจนยากจะประคองตัวไว้ได้ไหว ในที่สุดเมื่อร่างของเธอลอยค้างอยู่เหนือหัวทุกคน ลำแสงสีทองก็สว่างจ้าขึ้น แรงพลังแพร่กระจายไปทั่วทุกทิศยังผลให้คู่ประลองทั้งสองกระเด็นไปคนละทิศละทาง
            เมื่อไร้ลำแสงที่ประคองตัวเธอไว้กลางอากาศร่างของเฟรินก็ร่วงลงบนพื้น ท่านจ้าวเอวิเดสและคาโลที่พ้นจากฤทธิ์ของน้ำยาสะกดใจแล้วรีบวิ่งมาดูอาการของเธอทันที คาโลมาถึงก่อนจึงประคองเฟรินไว้ในอ้อมอก ก่อนจะรีบกล่าวอย่างกระวนกระวาย
            “เฟริน! เฟรินลืมตาขึ้นมาสิ!” คาโลเขย่าตัวเธออย่างแรงจนในที่สุดเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
            “คา.....โล.....” เฟรินเรียกชื่อคาโลด้วยเสียงรวยรินเต็มทีพร้อมพยายามยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของเขาทำให้คาโลต้องรีบจับมือของเธอเอาไว้แล้วแนบเข้ากับใบหน้าของตนเองทันที
            “ฉันอยู่นี่ ฉันอยู่นี่แล้ว”
            “นะ..นายกลับมาเป็นคนเดิมแล้วชะ..ใช่มั้ย....”
            “ใช่ ใช่ ฉันขอโทษ เฟรินฉันขอโทษ...”กล่าวพลางน้ำตาก็พร่างพรูลงมาอย่างช่วยไม่ได้แต่เฟรินกลับส่ายหน้าแล้วยิ้มให้เขา
            “ไม่เห็นต้องขอโทษเลย แค่นาย...กลับมาเป็นคนเดิม ฉันก็ มี ความสุขแล้ว.....” คำพูดของเธอทำให้คาโลร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิมเขาดึงมือของเธอมาจุมพิตลงไป เฟรินหันไปทางท่านพ่อของเธอ มือบางยกขึ้นตรงหน้าทำให้ท่านจ้าวรีบรับมากุมเอาไว้
            “หนูขอโทษนะคะท่านพ่อ.....ขอโทษที่ยังไม่เคยทำหน้าที่ลูกที่ดีเลยซักครั้ง แต่ตอนนี้หนูคงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว.....” ท่านจ้าวส่ายหัวพร้อมน้ำตาที่รินไหลลงมา เขายิ้มกว้างให้เธอก่อนจะลูบหัวเธอเบาๆ
            “ลูกเป็นลูกที่ดีที่สุด พ่อรักลูกนะ....”

            “หนูก็รักพ่อค่ะ นายด้วย ฉันรักนายนะ คาโล......”ประโยคแรกพูดกับพ่อของเธอก่อนจะหันมาพูดประโยคหลังกับคาโล เฟรินยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเปลือกตาที่หนักอึ้งจะค่อยๆปิดลง มือทั้งสองข้างตกลงมาอยู่ข้างกาย แล้วลมหายใจสุดท้ายของเธอก็ถูกพรากไป........


มาต่ออย่างรวดเร็ว ทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ ตู้ม!!!! งานดราม่าก็มา.......................