ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ทวิตเตอร์ @Bam_Bam1A
เฟรินค่อยๆลืมตาขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า
สิ่งแรกที่เธอรับรู้คือเธออยู่ในพาหนะบางอย่างที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ สิ่งต่อมาที่รับรู้คือความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วร่าง
แรงกระแทกจากพาหนะที่กำลังเคลื่อนที่ยิ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวมากขึ้นไปอีก
เฟรินพยายามจะขยับตัวไปที่หน้าต่างแต่เธอก็พบว่ามือและเท้าของเธอถูกมัดเอาไว้ทำให้เธอไม่สามารถขยับไปไหนได้
เกวียนเทียมม้าค่อยๆผ่อนความเร็วลงก่อนจะหยุดนิ่งสนิท
เฟรินรับรู้ได้ถึงเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เธอมากเรื่อยๆ
เสียงฝีเท้าหยุดลงตรงหน้าเกวียนของเธอพอดีก่อนที่คนที่ยืนอยู่ข้างนอกจะเปิดผ้าม่านขึ้นส่งผลให้แสงสว่างจ้าส่องผ่านเข้ามากระทบตาจนเธอต้องรีบหลับตาปี๋
เธอกระพริบตาพี่ๆเพื่อปรับให้ชินกับแสงก่อนจะมองเห็นใบหน้าของผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าที่กำลังส่งรอยยิ้มเยาะเย้ยมาให้อยู่
“ว่ายังไง
ธิดาแห่งความมืด เมื่อคืนฮันนีมูนกับคู่หมั้นเป็นยังไงบ้าง ถึงใจดีมั้ยล่ะ?”
อาเธอร์กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขันที่ทำเอาเฟรินหน้าชาวาบ
ความโกรธทำให้เธอพยายามพุ่งตัวเข้าหาเขา
แต่เพียงแค่ขยับความปวดร้าวก็แล่นริ้วขึ้นมาจนต้องลงไปนอนกองกับพื้นเกวียนตามเดิม
นั่นยิ่งทำให้อาเธอร์หัวเราะขบขันดังยิ่งกว่าเดิม
“แกต้องการอะไรจากฉัน
จับตัวฉันมาทำไม ทำไมไม่ฆ่าฉันให้มันจบๆไปซะ!”
“ถ้าฆ่าเธอแล้วฉันจะเอาอะไรไปต่อรองกับจ้าวปีศาจพ่อของเธอล่ะ? อีกอย่าง
เธอยังมีประโยชน์เกินกว่าจะฆ่าทิ้งเสียเฉยๆ
อย่างน้อยเธอก็ทำให้คาโลอารมณ์ดีขึ้นได้ล่ะนะ หึหึหึ”
คำพูดหยาบโลนของเขาทำให้เธอโกรธจนตัวสั่นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าจ้องหน้าเขาเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“เพราะฉะนั้นกินข้าวเอาแรงซักหน่อยเถอะ
เผื่อคืนนี้คาโลต้องการตัวเธออีก จะได้มีแรงไง” กล่าวพร้อมยิ้มให้ก่อนจะตักข้าวจากจานข้าวที่ถือมาจ่อเข้าที่ปากของเธอ
เฟรินใช้มือที่โดนมัดอยู่ทั้งสองข้างปัดชามข้าวให้ตกลงบนพื้นอย่างแรงแล้วสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น
“หึ
ไม่กินก็ตามใจ แต่อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคืนนี้ล่ะ
คาโลสุดที่รักของเธอรออยู่นะ” กล่าวจบก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจก่อนจะเดินลงจากเกวียนไปทิ้งให้เธอต้องเจ็บใจอยู่คนเดียว
คืนนี้กองทัพของปรินซ์อาเธอร์ตั้งค่ายอยู่ที่ชายป่าก่อนจะเข้านครจันทรา
เฟรินที่ตอนนี้ถูกมัดแค่ข้อมือถูกทหารสองคนเดินนำไปที่กระโจมใหญ่หลังหนึ่ง
เมื่อเดินมาถึงทางเข้ากระโจมพวกเขาก็หยุดเพื่อแกะเชือกที่มัดข้อมือของเธออยู่ออกก่อนจะผลักเธอเข้าไปภายในกระโจม
เฟรินเสียหลักล้มลงบนพื้นเพราะร่างกายของเธอตอนนี้ยังไม่หายดี
เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปทั่วกระโจมก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่บนเตียงกว้างที่มีร่างสูงอันคุ้นเคยนั่งอยู่ที่ปลายเตียง
แววตาสีฟ้ากระจ่างเหมือนกับคืนก่อนไม่ผิดเพี้ยน เป็นแววตาที่บ่งบอกถึงอันตราย
แววตาหิวกระหายที่กำลังจ้องมองเธอราวกับอยากจะขยี้เธอให้แหลกคามือ
มือใหญ่ยื่นออกมาข้างหน้าก่อนเฟรินจะรู้สึกเหมือนมีแรงบางอย่างดึงตัวเธอให้เข้าไปหา
เพียงพริบตาเดียวเธอก็มานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาเสียแล้ว เมื่อคาโลเริ่มปลดตะขอกางเกงออกเธอก็รู้ได้ทันทีว่าจะต้องเจอกับอะไรต่อไป
เฟรินก้มหน้าลงปล่อยให้น้ำตารินไหลจากใบหน้าหยดลงบนพื้นอย่างยอมรับในชะตากรรม
มือแกร่งช้อนคางมนให้เงยขึ้น
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลที่เคยสะท้อนแววสุกใสบัดนี้กลับมีเพียงความเจ็บปวดเข้ามาแทนที่
เธอพยายามค้นเข้าไปในดวงตาสีฟ้ากระจ่างด้วยความหวังลมๆแล้งๆว่าจะพบชายคนที่เธอรักอยู่ในนั้นแต่ก็ล้มเหลว
สิ่งที่เธอพบมีเพียงซาตานที่เตรียมพร้อมจะทรมานเธออีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง......
เฟรินลืมตาขึ้นมาในเช้าวันใหม่และพบว่าเธอยังคงอยู่ในกระโจมของคาโลเหมือนเดิม
เธอหันไปข้างๆยังที่ๆคาโลควรจะนอนอยู่แต่กลับพบว่ามันว่างเปล่า เสียงบางอย่างที่บริเวณทางเข้ากระโจมทำให้เธอต้องหันขวับไปมองก็พบว่าเป็นหญิงรับใช้สองคนที่ถืออ่างใส่น้ำและเสื้อผ้าเข้ามา
ทั้งคู่เดินมาหยุดตรงหน้าเตียงของเธอก่อนจะโค้งทำความเคารพให้แล้ววางของลงที่โต๊ะข้างเตียงแล้วตรงเข้ามาพยายามทำความสะอาดตัวเธอทันที
“เดี๋ยวก่อน
นี่ หยุดนะ! พวกเธอจะทำอะไรเนี่ย!” เฟรินโวยวายใหญ่โตจนสาวใช้ยอมหยุดเพื่ออธิบายให้เธอฟัง
“ก็เตรียมตัวท่านให้พร้อมน่ะสิคะ”
“พร้อม?
พร้อมสำหรับอะไร?”
“เดี๋ยวท่านก็รู้เองแหละค่ะ
ตอนนี้ปล่อยให้เราทำความสะอาดตัวท่านดีๆเถอะ
ไม่งั้นเราอาจต้องให้ทหารยามหน้าห้องมาทำแทนนะ”
เพราะคำขู่นั้นทำให้เฟรินยอมหยุดโวยวายแล้วปล่อยให้สาวใช้ทำงานต่อแต่โดยดี สาวใช้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดแขนเธอเบาๆแต่มันกลับทำให้เธอเจ็บจนต้องร้องออกมาเมื่อมันเผลอไปโดนตรงรอยช้ำจากฝีมือของคาโลที่สร้างไว้ทั่วตัวเธอพอดี
สาวใช้ชะงักด้วยความตกใจก่อนจะลูบเบาๆที่บริเวณรอยช้ำ
เฟรินรับรู้ได้ว่าสายตาที่เธอมองมันมีความสงสารอย่างเห็นได้ชัดทำให้เธอเลือกที่จะใช้ความสงสารให้เป็นประโยชน์
“พี่สาว
พี่ก็รู้ใช่มั้ยว่าทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้”
สาวใช้เงยหน้าขึ้นมองเธอก่อนจะหรุบตาลงแล้วพยักหน้าให้เบาๆ
“คนรักของฉันกลายเป็นปีศาจร้ายที่ทำร้ายฉันเอง
ฉันไม่รู้ชะตากรรมตัวเองเลยว่าจะต้องเจอกับอะไรอีก ฉันกลัว......”
ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การหลอกล่อให้สาวใช้ยอมเผยความลับแต่สิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมดล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น
มันทำให้เธอน้ำตารื้นขึ้นมาจนสาวใช้ใจอ่อนยวบ เธอหันไปมองหน้าสาวใช้อีกคนอย่างขอความเห็น
เมื่อเห็นว่าเพื่อนพยักหน้าให้แล้วจึงหันมาพูดกับเธอ
“ท่านไม่ต้องกลัวว่าเขาจะทำร้ายท่านหรอกค่ะ
อย่างน้อยก็ตอนนี้.....”
“ตอนนี้หรอ?
หมายความว่ายังไง?”
“ปรินซ์อาเธอร์ส่งสาส์นท้ารบไปยังจ้าวปีศาจเอวิเดส
เขาขอให้จ้าวปีศาจออกมาสู้ตัวต่อตัวกับท่านคาโลแล้วเขาจะยอมส่งตัวท่านกลับไปให้
หากไม่ยอม เขาจะฆ่าท่านซะ....” คำพูดของสาวใช้ทำให้เธออึ้งไปชั่วขณะ
ท่านพ่อกับคาโลตัวต่อตัวอย่างนั้นหรอ? แล้วใครจะชนะล่ะ?
อีกฝ่ายก็เป็นจ้าวปีศาจที่มีพลังมหาศาลเหนือใคร
ส่วนอีกฝ่ายก็ยังไม่มีใครรู้ขีดจำกัดความสามารถมาก่อน
แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่าเรื่องที่คนทั้งคู่ล้วนเป็นคนที่เธอรัก ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะมันก็ไม่เป็นผลดีกับเธอทั้งนั้น
สาวใช้จัดการทำความสะอาดตัวเธอจนเสร็จเรียบร้อยพร้อมแต่งองค์ทรงเครื่องให้เธอจนดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อยแต่ก็ไม่อาจอำพรางร่องรอยม่วงช้ำที่มีอยู่ทั่วตัวได้หมด
เสียงเป่าแตรที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนตื่นตัวขึ้นมาทันที เสียงอึกทึกวุ่นวายที่ดังขึ้นข้างนอกกระโจมทำให้เธอยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมา
“จ้าวปีศาจ!! จ้าวปีศาจเอวิเดสอยู่ที่นี่แล้ว!” เสียงตะโกนนั้นทำให้ทั้งสามคนในกระโจมหันมามองหน้ากันพร้อมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากทันที
“คงถึงเวลาที่ท่านต้องออกไปหาท่านพ่อของท่านแล้วล่ะค่ะ”
สาวใช้นำตัวเฟรินเดินออกจากกระโจมไปยังลานกว้างกลางค่ายที่จัดทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อการประลองในครั้งนี้โดยเฉพาะ
ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมยาวผมดำถักเปียยาวลงมาที่ยืนตระหง่านอยุ่กลางลานจะเป็นใครไม่ได้นอกจากจ้าวปีศาจเอวิเดส
พ่อของเธอนั่นเอง
“ท่านมาคนเดียวตามสัญญาจริงๆสินะ
จ้าวปีศาจ” อาเธอร์กล่าวขึ้นพร้อมโค้งให้น้อยๆ
“ใช่
ข้ามาคนเดียวตามที่สัญญา ลูกสาวข้าอยู่ที่ไหน?”สุรเสียงทรงอำนาจทำให้ทุกคนที่อยู่
ณ ที่นั้นขนลุกชันไปตามๆกันแต่อาเธอร์กลับยังยิ้มอยู่ได้ เขาส่งสัญญาณให้สาวใช้พาเฟรินไปยืนข้างๆก่อนจะตอบกลับท่านจ้าวไป
“ลูกสาวของท่านปลอดภัยดีอยู่ที่นี่
ท่านจะได้ตัวนางคืนไปทันทีหากท่านเอาชนะคาโลได้”
เฟรินเหลือบมองไปทางคาโลทันทีที่อาเธอร์กล่าวถึงเขา
คาโลยังคงดูนิ่งขรึมและเย็นชาเหมือนปกติมิได้ดูหวาดเกรงต่อความน่าเกรงขามของพ่อของเธอแต่อย่างใด
“ถ้าอย่างนั้นก็มาทำให้มันจบๆซักทีเถอะ”
ท่านจ้าวกล่าวด้วยสุรเสียงทรงอำนาจก่อนจะก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อแสดงถึงการเตรียมพร้อม
อาเธอร์หันไปพยักหน้าให้คาโล คาโลจึงก้าวออกไปข้างหน้า
เฟรินมองตามเขาไปอย่างเป็นห่วงจนเขาไปหยุดอยู่ตรงหน้าท่านพ่อของเธอพอดี
ฉับพลันทันใดท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใสไร้เมฆหมอกบดบังก็พลันมืดครึ้มลงทันตา
เสียงฟ้าร้องครามครันตามมาด้วยสายฟ้าที่ฟาดลงตรงกลางระหว่างคู่ต่อสู้ทั้งคู่ส่งผลให้แผ่นดินแยกออกจากกันทันที
ทั้งคู่ร่ายเวทย์สร้างลูกไฟขึ้นมาฝ่ายจ้าวปีศาจเป็นลูกไฟสีดำ
ฝ่ายคาโลเป็นลูกไฟสีขาว ฉับพลันทั้งคู่ก็ปล่อยลูกไฟเข้าปะทะกันจนเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว
ลำแสงทั้งสองมาบรรจบกันตรงกลางต่างพยายามดันลำแสงให้ไปหาอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนพลังของทั้งคู่จะสูสีกันไม่น้อยเพราะต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ
หากใครเผลอเพลี่ยงพล้ำไปแม้เพียงนิดก็อาจจะทำให้ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ได้
เฟรินเฝ้ามองการต่อสู่ด้วยความกระวนกระวาย
หัวใจของเธอราวกับถูกบีบคั้นทุกครั้งที่ลำแสงเอนเอียงไปหาฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากเกินไป
ตอนนี้ทั้งคู่ก็ต่อสู่กันมานานพอสมควรแล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีใครยอมแพ้ใคร
มือของทั้งคู่เริ่มสั่นด้วยความล้าเพราะต้องต้านแรงพลังจากอีกฝ่ายไว้
ในวินาทีใดวินาทีหนึ่งนี้อาจจะมีใครซักคนทนไม่ไหวขึ้นมาก็ได้
เฟรินตัดสินใจทำบางอย่างที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าในชีวิตหัวขโมยจะทำได้
เธอสลัดตัวออกจากการกอบกุมของสองสาวใช้ก่อนจะวิ่งลงไปกลางสนามประลอง
เฟรินกระโดดเข้าไปตรงจุดที่ลำแสงทั้งสองมาเชื่อมต่อกันพอดี
ร่างของเธอสว่างวาบขึ้นก่อนที่ลำแสงจะเปลี่ยนเป็นสีทอง
ลำแสงเล็กๆสีทองแตกออกจากร่างเธอก่อนจะล้อมเธอไว้เป็นวงกลมและพาให้ร่างเธอลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ปล่อยพลังเวทย์ทั้งสองมือสั่นเทิ้มด้วยแรงพลังที่ถูกปลดปล่อยออกจากตัวของเฟรินจนยากจะประคองตัวไว้ได้ไหว
ในที่สุดเมื่อร่างของเธอลอยค้างอยู่เหนือหัวทุกคน ลำแสงสีทองก็สว่างจ้าขึ้น
แรงพลังแพร่กระจายไปทั่วทุกทิศยังผลให้คู่ประลองทั้งสองกระเด็นไปคนละทิศละทาง
เมื่อไร้ลำแสงที่ประคองตัวเธอไว้กลางอากาศร่างของเฟรินก็ร่วงลงบนพื้น
ท่านจ้าวเอวิเดสและคาโลที่พ้นจากฤทธิ์ของน้ำยาสะกดใจแล้วรีบวิ่งมาดูอาการของเธอทันที
คาโลมาถึงก่อนจึงประคองเฟรินไว้ในอ้อมอก ก่อนจะรีบกล่าวอย่างกระวนกระวาย
“เฟริน! เฟรินลืมตาขึ้นมาสิ!”
คาโลเขย่าตัวเธออย่างแรงจนในที่สุดเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“คา.....โล.....”
เฟรินเรียกชื่อคาโลด้วยเสียงรวยรินเต็มทีพร้อมพยายามยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของเขาทำให้คาโลต้องรีบจับมือของเธอเอาไว้แล้วแนบเข้ากับใบหน้าของตนเองทันที
“ฉันอยู่นี่
ฉันอยู่นี่แล้ว”
“นะ..นายกลับมาเป็นคนเดิมแล้วชะ..ใช่มั้ย....”
“ใช่
ใช่ ฉันขอโทษ เฟรินฉันขอโทษ...”กล่าวพลางน้ำตาก็พร่างพรูลงมาอย่างช่วยไม่ได้แต่เฟรินกลับส่ายหน้าแล้วยิ้มให้เขา
“ไม่เห็นต้องขอโทษเลย
แค่นาย...กลับมาเป็นคนเดิม ฉันก็ มี ความสุขแล้ว.....” คำพูดของเธอทำให้คาโลร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิมเขาดึงมือของเธอมาจุมพิตลงไป
เฟรินหันไปทางท่านพ่อของเธอ มือบางยกขึ้นตรงหน้าทำให้ท่านจ้าวรีบรับมากุมเอาไว้
“หนูขอโทษนะคะท่านพ่อ.....ขอโทษที่ยังไม่เคยทำหน้าที่ลูกที่ดีเลยซักครั้ง
แต่ตอนนี้หนูคงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว.....” ท่านจ้าวส่ายหัวพร้อมน้ำตาที่รินไหลลงมา
เขายิ้มกว้างให้เธอก่อนจะลูบหัวเธอเบาๆ
“ลูกเป็นลูกที่ดีที่สุด
พ่อรักลูกนะ....”
“หนูก็รักพ่อค่ะ
นายด้วย ฉันรักนายนะ คาโล......”ประโยคแรกพูดกับพ่อของเธอก่อนจะหันมาพูดประโยคหลังกับคาโล
เฟรินยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเปลือกตาที่หนักอึ้งจะค่อยๆปิดลง
มือทั้งสองข้างตกลงมาอยู่ข้างกาย แล้วลมหายใจสุดท้ายของเธอก็ถูกพรากไป........
มาต่ออย่างรวดเร็ว ทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ ตู้ม!!!! งานดราม่าก็มา.......................
มาต่ออย่างรวดเร็ว ทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ ตู้ม!!!! งานดราม่าก็มา.......................
*0*
ตอบลบ