วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558

หัวขโมยแห่งบารามอสตอนพิเศษภาค2 ตอนที่ 4 : พ่อมดปีศาจแห่งคาโนวาล Darker [NC25+]


ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ทวิตเตอร์ @Bam_Bam1A


ท้องพระโรงใหญ่ของพระราชวังแห่งคาโนวาลเนืองแน่นไปด้วยข้าราชบริภารและขุนนางน้อยใหญ่จากทั่วทั้งเอเดนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในพระราชพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทแห่งคาโนวาล นอกจากนี้เพื่อนๆของคาโลจากป้อมอัศวิน ทั้งคิล ฟีลมัส โร เซวาเรส เพื่อนๆปีสามทั้งหมด รวมถึงโรเวน วิเวียนก็มาด้วย ทุกคนอยู่ในชุดเต็มยศเป็นทางการจับกลุ่มคุยอยู่กับว่าที่เจ้าชายรัชทายาทอย่างเป็นทางการแห่งคาโนวาลอย่างคาโลในเสื้อสีน้ำเงินประดับเหรียญประจำราชวงศ์คลุมด้วยผ้าคลุมกำมะหยี่สีดำอันเป็นเครื่องแบบของนักรบแห่งคาโนวาล มือขวาถือคทาหัวลูกแก้วสีดำคู่ใจไว้ข้างตัว ตอนนี้ก็ใกล้จะถึงฤกษ์เข้าพิธีแล้วแต่เขายังไม่เห็นวี่แววของเจ้าหัวขโมยตัวแสบคู่หมั้นของเขาเลยทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาหน่อยๆ
"เฟรินอยู่ไหนน่ะ ทำไมยังไม่มาอีก ฉันว่าฉันไปตามดีกว่า" คาโลกล่าวด้วยความกังวลพร้อมทำท่าจะเดินออกจากท้องพระโรงทำเอาเพื่อนๆต้องรีบรั้งตัวไว้แทบไม่ทันเพราะนี่มันใกล้จะถึงเวลาเข้าพิธีแล้วขืนคาโลไปตอนนี้กลับมาไม่ทันแน่
"แกอยู่นี่นั่นแหละ เดี๋ยวฉันไปตามเฟรินเอง" คิลกล่าวขึ้นพร้อมเดินออกจากท้องพระโรงไปทันที
"ไม่ต้องเป็นห่วงน่า เฟรินคงจะอยากแต่งตัวให้ดูดีที่สุดในฐานะคู่หมั้นของเจ้าชายรัชทายาทก็เลยช้า ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละ" โรเวนกล่าวพร้อมขยิบตาให้ แต่นั่นไม่ทำให้คาโลคลายความกังวลลงได้เลยเพราะเขารู้ดีกว่าใครทั้งหมดว่าเฟรินไม่ใช่คนที่จะมาเสียเวลากับเรื่องแบบนั้นเป็นแน่
"เจ้าชายคาโล ถึงเวลาเข้าพิธีแล้วพะยะค่ะ" ข้าราชบริภารคนหนึ่งเดินมาบอกทำให้คาโลต้องรีบเดินตามไปแต่ในใจก็ยังกังวลเกี่ยวกับเฟรินอยู่

คิงบาโรแห่งคาโนวาลขึ้นนั่งประทับบนบัลลังก์โดยมีคาโลยืนอยู่ข้างๆทำให้เหล่าขุนนางและผู้มาร่วมงานทุกคนยืนประจำที่เรียงเป็นแถวอย่างสวยงาม คาโลหันกลับไปดูที่ทางเข้าท้องพระโรงอีกครั้งก็ปรากฏร่างของคิลกับเฟรินเดินเข้ามาพอดีทำให้เขาโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสองเดินเข้าประจำที่ก่อนเฟรินจะหันมาสบตากับเขาพอดี ชั่วแวบหนึ่งที่เขารู้สึกว่าแววตาของเธอดูแปลกไปแต่แล้วเขาก็ต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งไปเมื่อเฟรินยิ้มมาให้อย่างสดใสเขาจึงยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน

"ไปเจอเฟรินที่ไหนล่ะ? ห้องแต่งตัวหรอ?" โรเวนกระเซ้าถามคิล
"เจอระหว่างทางเดินมาท้องพระโรงนี่แหละครับ"
"แหม่ เดี๋ยวนี้พอเป็นผู้หญิงแล้วรู้จักแต่งเนื้อแต่งตัวแล้วสินะเฟริน" โรเวนหันไปพูดหยอกล้อกับเฟรินแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆทั้งสิ้นทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจหน่อยๆ แต่ก็ต้องละความสนใจไปเมื่อพิธีเริ่มขึ้นพอดี
"คาโล วาเนบลี เดอะปรินซ์ออฟคาโนวาล ท่านให้คำสัตย์ได้หรือไม่ ว่าจะจงรักและภักดีต่อคาโนวาล ปกครองด้วยความเป็นธรรม รวมถึงคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก" 
"ข้าขอให้คำสัตย์"
"หากท่านกล่าวด้วยความสัตย์จริงขอจงดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยานี้เพื่อเป็นการสาบานตน"
ข้าราชบริภารถือถาดใส่ถ้วยเงินสลักลวดลายวิจิตรประดับด้วยทับทิมเข้ามา ภายในมีน้ำลักษณะใสๆใส่อยู่จนเต็มถ้วย คาโลถือถ้วยขึ้นมาไว้ในมือก่อนจะดื่มรวดเดียวหมด
"ข้า ในฐานะพระราชาแห่งคาโนวาล ขอแต่งตั้งคาโล วาเนบลีเป็นเจ้าชายรัชทายาทตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป!" คิงบาโรกล่าวเสียงดังฟังชัดพร้อมยกดาบขึ้นมาทาบที่บ่าของผู้เป็นโอรส
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นแหวกความเงียบของพระราชพิธีขึ้นมา ทำให้ทุกคนหันไปยังที่มาของเสียงเป็นทางเดียวกัน ร่างของเฟรินค่อยๆลอยขึ้นบนฟ้าพร้อมทั้งเสียงกรีดร้องที่ยังดังไม่หยุดหย่อน จู่ๆมือขนาดมหึมาก็โผล่ขึ้นกลางอากาศ มือนั้นคว้าทะลุร่างของเฟรินก่อนจะควักหัวใจออกจากตัวนางแล้วบดขยี้จนมันกลายเป็นผุยผงทำให้เสียงกรีดร้องหยุดลงทันที ทุกสิ่งเกิดขึ้นในเวลาเพียงพริบตาเดียวทำให้ทุกคนที่ดูอยู่ลืมหายใจไปชั่วขณะ ร่างของเฟรินค่อยๆสลายกลายเป็นเพียงหมอกควันไปในอากาศ.........

ภาพคนรักที่สลายกลายเป็นผุยผงไปต่อหน้าต่อตาทำให้คาโลโกธธจนขาดสติ ทั้งความโกรธและความเสียใจมันหลั่งไหลออกมาจนท่วมท้น ส่วนดำมืดในจิตใจของเขาถูกปลุกขึ้นอีกครั้งจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ มือขาวกำคทาไว้แน่นจนสั่นไปหมด หัวคทาเปล่งแสงเรืองรองสว่างจ้า ไอมนตร์ดำแผ่กระจายออกจากทั่วร่างยังความเย็นยะเยือกให้แก่ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น ขณะนี้ทุกคนหันกลับมามองยังร่างที่อยู่ตรงกลางท้องพระโรงเป็นตาเดียว ร่างของเจ้าชายรัชทายาทที่บัดนี้กลายเป็นซาตานไปเสียแล้ว........

เฟรินพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตนหลุดพ้นจากพันธนาการที่พันข้อมือและข้อเท้าของเธออยู่ มือเรียวสีกันไปมาจนข้อมือแดงเถือกและมีเลือดซิบ แต่แล้วในที่สุดเธอก็สามารถปลดมือออกจากเชือกที่มัดข้อมือเธออยู่ได้ เฟรินรีบดึงผ้าที่อุดปากเธออยู่ออกก่อนจะแก้เชือกที่พันข้อเท้า ทันทีที่เป็นอิสระเธอก็ผลักประตูตู้เสื้อผ้าที่เป็นที่กักขังเธอออกอย่างแรงแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที

เฟรินรีบวิ่งไปยังท้องพระโรงอันเป็นที่ประกอบพิธีก่อนจะต้องตกใจเมื่อได้เห็นภาพชายคนรักที่บัดนี้กลายร่างเป็นซาตานไปเสียแล้ว เธอรีบวิ่งเข้าไปทันทีแต่จู่ๆก็มีมือหนึ่งมาดึงตัวเธอเอาไว้เสียก่อน
"เฟริน!! แกยังไม่ตายหรอ!?" คิลกล่าวเสียงดังด้วยความตกใจ
"เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคาโลถึงกลายเป็นแบบนั้นไปได้" เฟรินถามด้วยความร้อนรนโดยไม่ได้สนใจคำถามของเพื่อนเลย
"ก็เพราะมันคิดว่าแกตายแล้วน่ะสิ แต่ มันเป็นไปได้ยังไง ก็เมื่อกี๊เราทุกคนเห็นกับตาว่าแกโดนบดขยี้จนแหลกเป็นผุยผงไปแล้ว" คำอธิบายของคิลทำให้เฟรินเข้าใจทุกอย่างกระจ่างชัดขึ้นทันที เธอรีบวิ่งตรงเข้าไปยืนตรงหน้าของคาโลก่อนจะตะโกนเสียงดัง
"คาโล!! ฉันอยู่นี่ ฉันยังไม่ตาย นายได้ยินมั้ยว่าฉันยังไม่ตาย ฉันเฟริน เดอเบอร์โรว์คู่หมั้นของนายยังอยู่ตรงนี้!" ไร้เสียงตอบรับจากคาโล เขายังคงมีสายตาที่ว่างเปล่าและดูไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนของเธอด้วยซ้ำ เฟรินจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาตรงๆ แต่ทันทีที่เธอพยายามจะเอื้อมมือไปสัมผัสเขาคาโลก็สะบัดคทามาทางเธออย่างแรงทำให้เธอโดนแรงอัดจากพลังกระแทกจนกระเด็นมากองอยู่กับพื้น
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามคุยกับเขาหรอก เพราะตอนนี้เขาก็เป็นแค่หุ่นเชิดที่ไร้จิตใจของฉันเท่านั้นแหละ" เจ้าชายอาเธอร์ก้าวออกมาจากฝูงชนก่อนจะเดินตรงไปทางคาโล
"แก!" คิลแยกเขี้ยววับพร้อมทำท่าจะพุ่งเข้าใส่อาเธอร์แต่แล้วความพยายามก็ล้มไม่เป็นท่าเมื่ออาเธอร์ออกคำสั่งกับคาโลทำให้คิลโดนแรงกระแทกจากพลังกระเด็นไปนอนบนพื้นอีกราย
"ฮ่าๆๆๆ ฉันบอกแล้วไงว่าตอนนี้คาโลอยู่ในความควบคุมของฉันแล้ว พวกแกมันโง่ที่พยายามให้เขาซ่อนเร้นส่วนที่มีพลังมากมายมหาศาลเอาไว้ ตอนนี้ ฉันจะทำในสิ่งที่พวกแกไม่กล้าทำแทนเอง ทั่วทั้งเอเดนและเดมอสจะต้องมาสยบแทบเท้าของฉัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พูดจบก็เดินเข้าไปหาคาโลก่อนทั้งคู่จะหายตัวไปพร้อมกันทันที


เฟรินลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งตรงไปที่ทางออกทันทีแต่ยังไม่ทันถึงประตูทางออกเธอก็ถูกรั้งตัวเอาไว้เสียก่อน
"เธอจะไปไหนน่ะเฟริน" โร เซวาเรสนั่นเองที่เป็นคนรั้งเธอเอาไว้ เฟรินหันกลับมาเขาพร้อมพยายามแกะมือของเขาออก
"ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปตามคาโล!!"
"เธอจะบ้ารึไง เมื่อกี๊เธอก็เห็นแล้วนี่ว่าตอนนี้คาโลไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว ขืนเธอไปหาเขาตอนนี้เขาอาจจะทำร้ายเธอขึ้นมาอีกก็ได้นะ"
"ฉันไม่สน ฉันจะไม่ยอมให้คาโลต้องตกเป็นเครื่องมือของคนชั่ว ฉันจะไปช่วยเขา!" เฟรินตะโกนเสียงดังแล้วพยายามยื้อแขนออกจากการกอบกุมของโรอย่างเอาเป็นเอาตายจนโรเวนต้องเข้ามาช่วยปรามอีกแรง
"เฟริน ใจเย็นๆก่อน ขืนเธอผลีผลามเข้าไปหาเขาตอนนี้มันก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นหรอก เราต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เข้าใจมั้ย" คำพูดของโรเวนดูมีเหตุผลทำให้เฟรินเริ่มใจเย็นลงได้ เธอพยักหน้าอย่างหมดแรงก่อนจะทรุดตัวลงนั่งลงกับพื้น
"ทีนี้เล่าให้ฟังได้รึยัง ว่าทำไมแกถึงยังไม่ตายน่ะ?" คิลถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
"ฉันยังไม่ตายก็เพราะว่าที่ตายนั่นมันไม่ใช่ฉันน่ะสิ หรือถ้าจะพูดให้ถูกไอ้ที่สลายเป็นผุยผงไปน่ะมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตด้วยซ้ำ"
"แล้วถ้าอย่างนั้นมันคืออะไรล่ะคะ?" วิเวียนถามขึ้นบ้าง
"มันเป็นหุ่นที่ถูกเสกขึ้นมาให้เหมือนกับฉันน่ะสิ"
"ถึงว่าล่ะ ฉันแซวอะไรไปก็ไม่หือไม่อือ นึกว่าเดี๋ยวนี้สวยแล้วหยิ่งซะอีก" โรเวนกล่าวขึ้นขำๆ
"แล้วในระหว่างทำพิธีพี่หญิงอยู่ที่ไหนล่ะคะ"
"ฉันก็ถูกอาเธอร์จับขังเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าน่ะสิ ฉันพยายามแก้มัดตัวเองจนในที่สุดก็หลุดออกมาได้ตอนที่ทุกคนเห็นฉันนั่นแหละ" 
"จากเท่าที่เห็น อาเธอร์เตรียมการมาเป็นอย่างดี แสดงว่าเขาต้องวางแผนไว้นานแล้วแน่ๆ ว่าแต่เขาจะทำไปเพื่ออะไรกัน" โร เซวาเรสกล่าว
"คาโลในเวลาปกติทรงพลังมากก็จริง แต่นั่นไม่อาจเทียบอะไรได้เลยกับคาโลในยามขาดสติ พลังมหาศาลที่ถูกซ่อนอยู่ภายในจิตใจส่วนลึกของเขานั้นอาจจะมากพอที่เอาชนะเอวิเดสได้เลยทีเดียว" โรเวนกล่าวขึ้นมาพลางนึกย้อนไปถึงครั้งที่พวกเขาปะทะกับเผ่าคนแคระกินคนแห่งหุบเขาหัวกะโหลก
"ว่าแต่ เจ้าชายอาเธอร์ควบคุมเจ้าชายคาโลได้ยังไงล่ะคะ?" คำถามนี้ทำให้ทุกคนต้องครุ่นคิดกันอย่างหนักจนเมื่อโร เซวาเรสเหลือบไปเห็นถ้วยใส่น้ำพิพัฒน์สัตยาที่หล่นอยู่บนพื้นนั่นก็ทำให้เขานึกอะไรบางอย่างออก โรเดินไปหยิบแก้วมาถือไว้ในมือก่อนจะอธิบายให้แก่ทุกคนฟัง
"นี่ไง สาเหตุที่ทำให้อาเธอร์ควบคุมคาโลได้ เขาต้องแอบใส่น้ำยาสะกดใจไว้ในน้ำพิพัฒน์สัตยาที่คาโลดื่มไปแน่ๆ และเมื่อคาโลขาดสตินั่นก็ทำให้เขาถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์"
"แล้วเราจะทำให้เขาหลุดพ้นจากการควบคุมได้ยังไง?" เฟรินถามขึ้น
"มันต้องมีบางอย่างที่มากระทบใจเขามากพอ บางอย่างที่จะดึงตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมาได้"
"แล้วมันคืออะไรล่ะ?
"เธอไงเฟริน เธอคือคนที่คาโลรักมากที่สุด เธอเป็นคนเดียวที่จะสามารถดึงตัวตนที่แท้จริงของคาโลให้หลุดพ้นออกจากการควบคุมของอาเธอร์ได้ แต่นั่นมันไม่ง่ายเลย ก่อนอื่นเราต้องหาทางเข้าใกล้เขาให้ได้มากพอก่อน"
"ใช่ งานนี้ ถ้าเข้าไปตรงๆไม่ได้ ก็คงต้องใช้เล่ห์กลกันหน่อยแล้วล่ะ" โรเวนกล่าวขึ้นพร้อมยิ้มจุดประกายความหวังของทุกคนขึ้นมาทันที


กองทัพพิชิตเดมอสที่ตั้งขึ้นโดยปรินซ์อาเธอร์ บริสตัน ออฟซาเรสแน่นขนัดไปด้วยเหล่านักรบจากทั่วทุกสารทิศ บ้างก็มาเพราะอยากพิชิตเดมอส บ้างมาเพื่อเงิน บางคนก็มาเพราะถูกบังคับ หรือไม่ก็มาเพราะความกลัว กลัวในฤทธาของซาตานในความควบคุมของปรินซ์อาเธอร์ ซาตานที่ไร้ซึ่งความปราณี เขาอยู่เป็นทัพหน้าของกองทัพ ฝ่าบุกตะลุยผ่าเข้าไปยังเดมอสโดยมิเกรงกลัวสิ่งใด ใครที่อาจหาญมาขวางทาง มันผู้นั้นจะต้องพบกับความตาย เพียงโบกคทาครั้งเดียวข้าศึกก็ตายราบเป็นหน้ากลอง จะว่าไปแล้วเหล่าทหารที่มาร่วมทัพก็ทำหน้าที่แค่ประดับบารมีกองทัพให้ดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขามก็เท่านั้น คนส่วนมากเลือกที่จะเข้าร่วมกับกองทัพมากกว่าที่จะไปขวางคมมีด
โรเวน คิล โร และเฟรินนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ในมุมลับตาคนรอบนอกเรือนพักรับรองแขกของคนแคระดำแห่งหุบเขาหัวกะโหลกที่พากันหลีกทางให้แก่กองทัพแต่โดยดีเพราะพวกเขารู้ดีกว่าใครว่าฤทธิ์ของพ่อมดแห่งคาโนวาลนั้นร้ายกาจแค่ไหน ทั้งสี่คนได้ปลอมตัวแฝงเข้ามาเป็นทหารในกองทัพเพื่อที่จะหาโอกาสให้เฟรินได้เข้าไปหาคาโล
“คืนนี้แหละ เหมาะที่สุดแล้วที่เราจะลงมือ เรือนพักที่นี่เราเคยพักมาก่อน เพราะฉะนั้นเรารู้ทางหนีทีไล่ดีกว่าพวกมันแน่ เฟริน เธอต้องใช้ทางลับนี้ขึ้นไปหาคาโลที่ชั้นบนของเรือนรับรอง ส่วนพวกฉันสามคนจะคอยดูต้นทางให้เอง” โรเวนกล่าวพลางชี้ทิศทางลงบนแผนที่ที่เขาเป็นคนวาดขึ้นมาเอง
“คิล นายจัดการยามที่เฝ้าประตูหลังเปิดทางให้เฟรินเข้าไป โร นายคอยจับตาดูยามที่เฝ้าประตูหน้าไว้ ฉันจะคอยเผ้าอาเธอร์ไว้เอง หากมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นให้เป่าปากส่งสัญญาณเสียง เมื่อทุกคนได้ยินเสียงสัญญาณให้รีบกลับมารวมกันที่นี่ทันที ตกลงตามนี้นะ” ทุกคนพยักหน้าลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนเห็นได้ชัดเพราะหากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นนั่นอาจหมายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว
“งั้นเราไปลุยกันเลยเถอะ!” เฟรินกล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเอง

ทุกอย่างเป็นไปตามแผน คิลจัดการเปิดทางให้เธอเข้ามาในเรือนพักได้สำเร็จ เฟรินงัดวิชาตีนเบาประจำตัวหัวขโมยขึ้นมาใช้ เธอย่องอย่างเงียบกริบขึ้นไปยังชั้นบนแล้วตรงเข้าไปในห้องว่างที่อยู่ข้างห้องของคาโลแล้วออกไปยังระเบียงก่อนจะปีนไปยังระเบียงของห้องคาโลแล้วย่องเข้าไปในห้องได้สำเร็จ ภาพแรกที่เห็นคือแผ่นหลังกว้างอันคุ้นเคยที่ยืนอยู่ตรงกลางห้องราวกับกำลังรอใครบางคนอยู่
“คาโล..........” เธอลองเรียกคาโลดูอย่างไม่แน่ใจ
“นี่ฉันเองนะ เฟริน เดอเบอโรว์ คู่หมั้นของนายไง” พูดพลางค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าถึงตัวจู่ๆคาโลก็หมุนตัวกลับมาอย่างกระทันหันทำให้เธอผงะ ดวงตาสีฟ้าวาวโรจน์ขึ้น ทันใดนั้นเฟรินก็รู้สึกราวกับมีมือล่องหนมาบีบคอของเธออยู่ เธอเอามือมาจับที่คอของตนเองทันทีเพื่อพยายามจะแกะมือล่องหนนั่นออกแต่ก็ไม่เป็นผล ตัวของเธอค่อยๆลอยขึ้นเหนือพื้นเรื่อยๆ
”คะ.....คาโล นี่ฉันเอง เฟรินไง นะ...นายจำไม่ได้หรอ” ไร้เสียงตอบรับจากคาโล เขายังคงจ้องเขม็งไปยังร่างที่บัดนี้ลอยอยู่กลางห้องตาไม่กระพริบ ใบหน้าของเฟรินเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเพราะขาดอากาศหายใจ และในวินาทีที่เธอกำลังจะหมดลมจู่ๆแรงบีบที่คอก็หายไป ร่างของเธอร่วงลงไปนอนกองบนพื้นหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างแรง
ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงสัญญาณที่ส่งมาจากใครซักคนในสามคนนั้น เฟรินรีบพยุงตัวขึ้นแล้วพุ่งตัวหมายจะกลับออกไปทางระเบียง แต่ฉับพลันประตูก็ปิดใส่หน้าเธอดังปัง ร่างของเธอถูกแรงอัดกระแทกเข้ากับประตูก่อนที่ร่างของคาโลจะตามมาประกบติดๆ มือใหญ่บีบแขนทั้งสองข้างของเธออย่างแรงจนเจ็บไปหมด
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะคาโล ปล่อยฉันสิ!” ตามคำขอ คาโลเหวี่ยงร่างเฟรินลงกลางพื้นห้องอย่างแรง

“หึ พวกแกคิดจริงๆน่ะหรอ ว่าฉันไม่รู้ว่าพวกแกแอบปลอมตัวเข้ามาเป็นทหารในกองทัพฉันน่ะ” ปรินซ์อาเธอร์กล่าวกับโรเวน คิลและโรที่ถูกจับมัดไว้รวมกัน
“แล้วเราจะเอายังไงกับธิดาแห่งความมืดที่กำลังเข้าไปหาเจ้าชายคาโลดีครับ” ทหารคนสนิทคนหนึ่งถามขึ้น
“แกอย่าบังอาจทำอะไรเฟรินเป็นอันขาดนะ!!” คิลโพล่งขึ้นมาด้วยความโกรธก่อนจะพยายามดิ้นให้หลุดจากเชือกที่มัดอยู่รอบตัว
“หึ ฉันไม่เปลืองแรงไปจัดการหรอกเพราะยังไงซะคาโลก็จัดการแทนฉันอยู่แล้ว เผลอๆอาจจะหนักกว่าให้ฉันเป็นคนจัดการเองซะอีกนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” หัวเราะอย่างโหดเหี้ยมด้วยแววตาไร้อารมณ์ก่อนจะเดินออกจากห้องไปทิ้งให้ทั้งสามคนหวาดวิตกกับชะตากรรมของเฟรินไปตามๆกัน

ตอนนี้คาโลตกอยู่ในสภาวะที่ไม่ต่างอะไรจากสัตว์ที่ทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ เกลียด หรือกำหนัด.......อะไรบางอย่างในตัวเฟรินกระตุ้นความกำหนัดในตัวเขาอย่างแรงกล้า ตอนนี้เขารู้เพียงอย่างเดียวคือเขาต้องการผู้หญิงคนนี้ และเขาจะไม่ปล่อยให้เธอหนีไปไหนง่ายๆแน่
ภาพคาโลที่ค่อยๆย่างสามขุมเข้ามาหาเธอพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อลงทีละเม็ดทำให้เฟรินรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ความทรงจำเมื่อครั้งที่คาโลเมาเริ่มหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆจนทำให้เธอตระหนก เฟรินกระเถิบตัวหนีโดยอัตโนมัติ เธอถอยหนีไปเรื่อยๆจนรู้ตัวอีกทีหลังก็ติดกับผนังห้องเสียแล้ว เธอหันไปมองกำแพงอย่างตกใจแต่ต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อหันกลับมาพบกับใบหน้าคมที่ยื่นเข้ามาใกล้เธอจนจมูกชนกัน วงแขนแกร่งกักตัวเธอไว้ทั้งสองด้านจนไม่สามารถหนีไปไหนได้ จมูกโด่งซุกไซร้ไปตามซอกคอขาวก่อนจะขบเม้มลงไปแรงๆจนทำให้เฟรินเจ็บจนต้องเผลอส่งเสียงร้องออกมา
“คาโลหยุดนะ นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” เฟรินพยายามผลักร่างหนาให้ออกไปพ้นจากตัวแต่คาโลกลับยึดข้อมือทั้งสองของเธอไว้แล้วกดเข้ากับกำแพง ริมฝีปากหยักฉกลงมาช่วงชิมความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มด้วยความหิวกระหาย รสจูบอันหยาบโลนทำให้เฟรินยิ่งตระหนกมากกว่าเดิม เมื่อมือถูกพันธนาการไว้เธอจึงใช้เท้าที่เป็นอิสระยันเข้าให้ที่กลางอกจนคาโลกระเด็นไปข้างๆ เธอรีบใช้โอกาสนี้วิ่งตรงไปยังประตูห้องแต่ความไวของหัวขโมยมีหรือจะสู้ความเร็วดั่งสายฟ้าฟาดของซาตาน คาโลตะครุบตัวเธอไว้ก่อนจะจับกดลงบนพื้นแล้วตามมาคร่อมทับทันที ความพยายามที่จะหนีของเฟรินทำให้คาโลโมโหขึ้นมา เขากระชากเสื้อของเธอออกอย่างแรงจนขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดีก่อนจะก้มลงขบกัดยอดอกสีทับทับทิมอย่างแรงจนเธอน้ำตาไหล มือแกร่งก็ไม่ปล่อยให้ว่างจัดการกับเสื้อผ้าส่วนที่เหลือของเธอจนหมดสิ้นก่อนจะส่งนิ้วหยาบเข้าไปทักทายกับส่วนล่างอย่างช่ำชอง ส่วนมืออีกข้างก็บีบขยำทรวงอกอิ่มอย่างเมามัน
เมื่อหยอกล้อกับร่างกายของเธอจนพอใจแล้วคาโลก็จัดการถอดเสื้อผ้าส่วนที่เหลือของตนออกจนหมดก่อนจะจับแก่นกลางกายที่แข็งขืนเต็มที่ถูไถเข้ากับปากทางรักของหญิงสาว
“ฮรึก คาโล อย่าทำอย่างนี้เลยนะฉันขอร้อง สุดท้ายคนที่จะเสียใจที่สุดก็คือตัวนายเองนะ” เฟรินกล่าวทั้งน้ำตา มือเรียวดันอยู่ที่หน้าท้องแกร่งแต่คาโลก็ไม่ได้สนใจเธอแต่อย่างใด มือหนาจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอรวบขึ้นไว้เหนือหัวก่อนจะก้มลงประกบจูบปิดปากแล้วดันส่วนแข็งขืนเข้าไปทีเดียวจนสุด เฟรินสะดุ้งเฮือกผวารับสิ่งใหญ่โตที่รุกล้ำเข้ามาในกายเธออย่างกระทันหัน คาโลขยับสะโพกทันทีอย่างคนเอาแต่ใจโดยไม่สนใจว่าเธอจะพร้อมหรือไม่ ปลายเท้าเรียวจิกลงกับพื้นอย่างพยายามเกร็งต้านความเจ็บ เปลือกตาบางปิดลงอย่างจำใจปล่อยให้น้ำตารินไหลลงมาไม่ขาดสาย ถึงแม้ปากของเธอจะโดนประกบปิดอยู่ด้วยปากหยักแต่เสียงสะอื้นปนเสียงครางก็ยังหลุดรอดออกมาเป็นระยะเพราะความรุนแรงของคนบนร่างที่โถมเข้าหาเธออย่างไม่ลดละราวกับราชสีห์กระหายเลือดที่หิวโซมาหลายวัน
“ อึก อ้ะ ฉะ ฉันเจ็บ......” คาโลผละจูบออกแล้ว มือแกร่งปล่อยให้มือเธอเป็นอิสระแต่เปลี่ยนมาจับขาของเธอให้แยกออกกว้างแทน เขารั้งสะโพกอิ่มกระแทกเข้าหาตัวอย่างแรงทำให้แก่นกายเข้าไปได้ลึกจนเฟรินรู้สึกจุกไปหมด มือเรียวที่เพิ่งเป็นอิสระยื่นไปดันหน้าท้องแกร่งเอาไว้หวังจะช่วยให้สะโพกแกร่งผ่อนแรงลงได้บ้างแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อคาโลยังคงกระแทกกระทั้นเข้าหาเธออย่างรุนแรงแถมยังเร่งความเร็วมากขึ้นเมื่อเขารู้สึกว่าใกล้จะปลดปล่อยเต็มทีจนเฟรินสั่นคลอนไปทั้งร่าง มือเรียวจึงจำต้องเปลี่ยนมาจับอยู่ที่แขนแกร่งแทนเพื่อเป็นหลักยึด
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาา คาโลลลลลลล” มือเรียวจิกเล็บลงแขนแขงแกร่งก่อนจะร้องออกมาเสียงดังเมื่อคาโลเร่งความเร็วจนถึงจุดสูงสุดแต่จู่ๆเขาก็หยุดกระทันหันแล้วถอดถอนตัวตนออกจากตัวเธอ มือแกร่งดึงตัวเธอให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะจิกลงบนกลุ่มผมทำให้เธอเชิดหน้าขึ้น เขาจ่อตัวตนเข้าที่ริมฝีปากอิ่มจึงทำให้เธอรู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร เฟรินพยายามเบี่ยงหน้าหนีแต่คาโลกลับใช้มือบีบคางของเธอไว้แล้วบังคับให้เธอเปิดปากออกก่อนจะดันตัวตนเข้าไปจนกระแทกกับเพดานปาก มือแกร่งจับหัวของเธอให้ขยับเร็วๆก่อนที่เขาจะปลดปล่อยเข้าไปในปากเธอจนล้น เฟรินเผลอกลืนน้ำรักบางส่วนเข้าไปด้วยความตกใจก่อนจะสำลักบางส่วนออกมาทำให้มันหยดเลอะเทอะไปทั่วตัว
ภาพปากอิ่มบวมแดงและร่างเปลือยเปล่าขาวเนียนที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำรักของเขาเองกระตุ้นให้ไฟราคะในตัวลุกโชนขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว คาโลอุ้มเฟรินขึ้นมาจากพื้นก่อนจะโยนลงบนเตียงกว้างอย่างไม่ปราณี เขาชันเข่าลงบนเตียงก่อนจะพลิกร่างบางให้คว่ำหน้าลงแล้วดึงสะโพกอิ่มเข้าหาตัว แก่นกลางกายที่แข็งชันขึ้นอีกครั้งสอดรับเข้าพอดีกับสะโพกอิ่มที่ถูกรั้งเข้ามาแล้วเริ่มกระแทกอย่างรัวเร็วทันทีทำให้เฟรินต้องรีบเอามือจับหัวเตียงเอาไว้เพื่อประคองตัว มือแกร่งบีบขยำแก้มก้นมนแล้วช่วยเน้นย้ำให้ตัวตนของเขาเข้าไปได้ลึกมากขึ้นทุกครั้ง มือแกร่งดันสะโพกอิ่มออกจนเกือบสุดความยาวแกนกายของเขาแล้วดึงรั้งกลับมาให้กระแทกหน้าขาอย่างแรง เฟรินสะดุ้งเฮือกเมื่อตัวตนของคาโลกระแทกตรงจุดสำคัญพอดี คาโลยังคงทำแบบเดิมซ้ำเรื่อยๆแต่เร่งความเร็วและความแรงขึ้นจนเฟรินทนไม่ไหว ร่างบางกระตุกเกร็งสองสามครั้งก่อนจะปล่อยน้ำใสๆให้ไหลออกมาจากช่องทางรักจนเปียกที่นอนไปหมด มือเรียวหมดแรงที่จะยึดเกาะกับหัวเตียงทำให้ร่างบางหล่นลงไปฟุบกับหมอน แต่สะโพกอิ่มยังไม่ถูกปล่อยเป็นอิสระ ถึงแม้เธอจะถึงจุดสูงสุดไปแล้วแต่คาโลยังคงไม่ได้ปลดปล่อย เขารั้งสะโพกอิ่มเอาไว้แล้วกระแทกรัวแรงกว่าเดิมจนเฟรินต้องจิกหมอนเอาไว้แน่น เพราะเธอปลดปล่อยไปแล้วทำให้ตอนนี้หลงเหลือเพียงแต่ความเจ็บปวดเข้ามาแทนที่ ยิ่งคาโลกระแทกเข้ามาลึกเท่าไหร่เธอก็ยิ่งจุกจนน้ำตาไหล เฟรินทำได้เพียงซบหน้าเข้ากับหมอนเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ความอุ่นร้อนที่วาบขึ้นในช่องท้องทำให้เธอรู้ว่าคาโลปลดปล่อยแล้ว เธอค่อยๆคลายมือที่จิกหมอนออกด้วยความโล่งใจแต่แล้วก็ต้องจิกลงไปใหม่เมื่อเขายังไม่ยอมหยุดแต่เพียงเท่านี้ ไม่รู้ความต้องการของเขามีมากมายแค่ไหนแต่ดูเหมือนทันทีที่ปลดปล่อยออกไปแก่นกายใหญ่ก็แข็งขืนขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ เธอได้แต่บอกตัวเองว่าอีกไม่นานมันก็จะจบลง อีกไม่นาน น้ำตาของเธอจะได้หยุดไหลเสียที สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็เพียงแค่หลับตาลงแล้วหวังว่าเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง คาโลจะกลับมาเป็นคนเดิม.............



มาลงล้าววววว กรี๊ดดดดด ในที่สุดดด ตอนที่คิดพลอตไว้ชาติกว่าก็แต่งเสร็จซักที คือชอบมาก ใครไม่ชอบเราไม่รู้แต่เราชอบ 555555555555555555555555555555555555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น