วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

หัวขโมยแห่งบารามอสตอนพิเศษภาค 2 ตอนที่ 3 : เบื้องหลัง

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ทวิตเตอร์ @Bam_Bam1A          


สัมผัสเปียกๆที่บริเวณใบหน้าทำให้สาวน้อยที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงรู้สึกตัว เฟรินค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะพบกับใบหน้าหวานของเรนอนที่เป็นคนเช็ดตัวให้เธออยู่
"อ้าว ตื่นแล้วหรอจ๊ะเฟริน"
"ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ แล้วนี่กี่โมงแล้ว" เฟรินมองไปรอบๆก่อนจะพบว่าตนอยู่ในห้องของตนเองกับเรนอนแทนที่จะเป็นห้องของคาโล
"ก็คาโลอุ้มมาส่งน่ะสิ แล้วนี่ก็สิบเอ็ดโมงแล้วจ้ะ"
"อะไรนะ! โอ๊ย!!" คำตอบของเรนอนทำเอาคนเพิ่งตื่นตาลุกโพลงกระเด้งตัวขึ้นจากเตียงทันทีอย่างไม่เจียมตัว ความเจ็จากช่วงท้องแล่นริ้วขึ้นมาจนทำเอาทรงตัวแทบไม่อยู่ล้มลงมากองอยู่บนเตียงตามเดิม
"ใจเย็นๆสิคะคุณเฟริน คุณเฟรินเจ็บอยู่จะรีบลุกขึ้นมาทำไมกัน"
"ก็จะไม่ให้รีบได้ยังไงเล่า ก็วันนี้มีเรียนกับอาจารย์แม่มดวิงกี้สุดโหด ฉันขาดเรียนไปดื้อๆแบบนี้ มีหวังโดนทำโทษสาปให้เป็นตัวเฟเรตแน่เลย"
"อ่อ ก็นึกว่าตกอกตกใจเรื่องอะไร ถ้าเรื่องอาจารย์แม่มดวิงกี้คุณเฟรินไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คาโลจัดการลาให้เรียบร้อยแล้ว แล้วอีกอย่างทุกคนก็รู้กันทั้งนั้นว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับคุณเฟริน อาจารย์ท่านคงจะเข้าใจแหละค่ะ"
"ห้ะ รู้เรื่องเมื่อคืนงั้นหรอ?" เฟรินถามขึ้นด้วยความตกใจเพราะคิดว่าเรื่องเมื่อคืนหมายถึงเรื่องเธอกับคาโล........
"ก็ใช่น่ะสิคะ เรื่องที่คุณเฟรินโดนนายคนเดินหมากจากปราสาทขุนนางทำร้ายน่ะ เค้ารู้กันทั้งโรงเรียนแล้ว ไม่ต้องห่วงนะคะ นายนั่นจะต้องถูกลงโทษแน่นอน เรื่องนี้ท่านเลโมธีรับทราบแล้ว และกำลังดำเนินการตัดสินโทษอยู่"
"อ่อ........งั้นหรอ" โล่งไปที ที่แท้ก็หมายถึงเรื่องไอ้บ้ามาร์คัสนั่นนี่เอง
"ก๊อกๆ" เสียงเคาะประตูเรียกให้สาวน้อยทั้งสองในห้องหันไปสนใจมอง
"เป็นไงบ้างล่ะแกน่ะ ยังไม่ตายใช่มั้ย" คีล ฟีลมัสเพื่อนรักนักฆ่าแห่งซาเรสทักขึ้นให้คนป่วยรู้สึกเหมือนเท้าจะกระตุกหันไปแยกเขี้ยววับให้
"นอกจากจะยังไม่ตายแล้วยังมีแรงมากพอจะกระทืบคนด้วยนะ อยากลองมั้ยล่ะ?" พูดไม่ทันขาดคำดีก็ทำท่าจะยันโครมเข้าให้ที่หน้าอกเพื่อนรัก แต่แค่ยกขาขึ้นก็รู้สึกเจ็บร้าวขึ้นมาทันทีจนต้องร้องออกมาเสียงดัง
"โอ๊ย!!!"
"เฟริน!" เสียงคาโลร้องเรียกเธออย่างตกใจเมื่อเข้ามาได้ยินเฟรินร้องเสียงดังพอดี เขารีบปราดเข้ามาประคองเธอไว้อย่างเป็นห่วงจนเพื่อนๆต้องแอบกลั้นยิ้ม
"เป็นอะไรมากรึเปล่า เจ็บมากมั้ย"
"เอ่อ.....ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ" เอ่ยตอบอย่างเขินๆแล้วพยายามหลบนัยน์ตาสีฟ้าสวยที่กำลังจ้องมองเธอด้วยความเป็นห่วง
"เห้ออออ เราไปกินข้าวกันดีกว่าเรนอน ตอนนี้เฟรินคงไม่ต้องการเราแล้วล่ะ มีหมอคอยดูแลแบบส่วนตัวขนาดนี้ คงจะหายเร็วกว่าให้เราดูแลเป็นสิบเท่า เอ๊ะ หรือจะหายช้าเพราะมัวแต่รักษาด้วยท่าแปลกๆกันนะ...."
"ไอ้คิล!! หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ จะไปกินข้าวกินหญ้าที่ไหนก็ไปเลยไป๊!!" โวยวายพลางโยนหมอนเข้าใส่เพื่อนไม่ยั้งจนหลบแทบไม่ทัน คิลหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีก่อนจะโอบไหล่เรนอนแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้แต่หัวขโมยขี้เขินให้นอนแก้มแดงเป็นลูกตำลึงอยู่กับเจ้าชายน้ำแข็งที่มองมาด้วยสายตาพราวระยับพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
"ยิ้มบ้าอะไรของนายห้ะ!"
"ก็ตอนเธอเขิน มันน่ารักดีนี่" กระซิบแผ่วเบาพร้อมชะโงกหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกชนกัน การกระทำของคาโลยิ่งทำให้แก้มที่แดงอยู่แล้วของเฟรินแดงยิ่งขึ้นไปอีก ใบหน้าหวานเสหลบไปด้านข้างเพราะเขินอายเกินกว่าจะทนมองหน้าของคาโลไหวยิ่งทำให้คนขี้แกล้งได้ใจอยากแกล้งมากกว่าเดิม
"ว่าแต่......คนไข้อาการเป็นยังไงบ้าง มามะมาให้หมอตรวจอาการหน่อย จะได้รู้ว่าต้องรักษาด้วย ท่าไหน" กล่าวพลางจมูกคมก็เริ่มก้มลงซุกไซร้ไปทั่วซอกคอขาวที่บัดนี้มีรอยแดงเป็นจ้ำๆอยู่ทั่วจากฝีมือของเขาเองเมื่อคืนนี้ ปากหยักพรมจูบแผ่วเบาทับรอยแต่ละรอยเพื่อตอกย้ำแสดงความเป็นเจ้าของจนเฟรินเริ่มจะเคลิบเคลิ้มไปกับเขาด้วย แต่แล้วเธอก็ได้สติเมื่อมือใหญ่เริ่มปลดกระดุมเสื้อนอนตัวบางของเธออย่างรวดเร็ว เฟรินรีบดันหน้าอกของคาโลออกทันที
"ไม่เอานะคาโลลลล ฉันระบมไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย" กล่าวด้วยเสียงออดอ้อนพร้อมทำหน้าดุๆอย่างที่เจ้าตัวคิดว่าจะทำให้คาโลกลัวได้ แต่ตรงกันข้ามนอกจากมันจะไม่ได้น่ากลัวแล้วเขากลับคิดว่ามันน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวจนอยากจะจับมาฟัดให้หนำใจอีกต่างหาก
"ก็ใครใช้ให้เธอมายั่วฉันก่อนเองล่ะ" กล่าวพลางก้มลงคลอเคลียไม่ห่างจากริมฝีปากอวบอิ่มที่ตอนนี้บวมช้ำนิดหน่อยจากสมรภูมิรักอันดุเดือดเมื่อคืนทำให้เฟรินต้องดันใบหน้าคาโลให้ห่างจากตัวอีกครั้งพร้อมขมวดคิ้วมุ่น
"ฉันทำไปก็เพราะฤทธิ์ยาทั้งนั้นแหละ ไม่ได้ตั้งใจทำซักหน่อย"
"นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจ ยังทำฉันคลั่งได้ขนาดนี้ แล้วนี่ถ้าตั้งใจจะขนาดไหนกันนะ......." ริมฝีปากหยักก้มลงประทับจูบแผ่วเบาทำให้เฟรินต้องหลับตาพริ้มรับจูบแต่โดยดี
"เธอรู้มั้ย...."ผละออกมาพูดก่อนจะประกบจูบลงไปอีกหนึ่งครั้ง
"ไม่ว่าเธอจะทำอะไร....." อีกหนึ่งครั้ง......
"มันก็เป็นการยั่วฉันทั้งนั้นแหละ....." และอีกครั้ง......
"ไม่ว่าจะตอนที่เธอยิ้ม" ปากหยักเปลี่ยนมาพรมจูบที่บริเวณสันกราม
"ตอนที่เธอโกรธ" ไล้ขึ้นไปเรื่อยๆยังขมับ
"หรือตอนที่เธอครางเรียกชื่อฉัน" กระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหูด้วยเสียงแหบพร่าทำเอาเฟรินขนลุกซู่ไปหมด 
"รู้มั้ยว่ามันทำให้ฉันอยากขย้ำเธอขนาดไหน" คาโลผละออกจากตัวของเฟรินแล้วแต่สายตาที่มองมายังเธอราวกับจะกลืนกินไปทั้งตัวนั้นทำให้เธอถึงกับต้องแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก 
"แต่ฉันก็ต้องรู้จักหักห้ามใจตัวเองถ้าไม่อยากให้เธอระบมไปมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นตอนนี้ได้เวลากินข้าวแล้วล่ะ จะได้กินยา" กล่าวพลางหันไปจัดการกับถาดอาหารที่เขาถือมาให้เฟรินตั้งแต่ตอนแรกทำให้เฟรินถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว

"อิ่มแล้วล่ะ" เฟรินกล่าวขึ้นทำให้คาโลที่กำลังจะตักข้าวป้อนเธออีกคำต้องชะงักมือลง
"อิ่มได้ยังไง เพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำเองนะ" ปกติเฟรินกินจุอย่างกับอะไรดี ครั้งนี้อาการคงหนักจริงๆถึงกับกินข้าวไม่ลงมันทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
"ก็......ก็คนมันอิ่มแล้วนี่จะให้ทำยังไงเล่า" จริงๆแล้วเธอไม่ได้อิ่มหรอก แต่เพราะคาโลที่เอาแต่จ้องหน้าเธอตาไม่กระพริบ มองตามปากทุกครั้งที่เคี้ยวขนาดนี้ ใครมันจะไปกินลงกัน
"ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็กินยานี่ซะ" คาโลยื่นถ้วยใส่ยามาให้พร้อมกับน้ำเปล่าเต็มแก้ว เฟรินจึงรับมากินแต่โดยดีก่อนจะยื่นแก้วน้ำคืนให้คาโล
"กินยาเสร็จแล้วก็พักผ่อนซะ ฉันต้องรีบไปเรียนต่อแล้ว" กล่าวพลางทำท่าจะลุกขึ้นยืนแต่เฟรินกลับรั้งแขนเขาเอาไว้เสียก่อนทำให้คาโลต้องหันมามองด้วยความแปลกใจ
"ขอโทษนะ"
"ขอโทษ? เรื่องอะไร?"
"ก็เรื่องที่ฉันไม่ยอมเชื่อนายแต่แรกไง ฉันขอโทษนะ ถ้าฉันยอมฟังนายดีๆก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น"
"ไม่หรอก แต่สัญญากับฉันอย่างหนึ่งได้มั้ย ว่าจะไม่ดื้อกับฉันอีก" กล่าวพลางลูบหัวทุยสวยของเฟรินเบาๆ เฟรินยกมือขึ้นจับมือที่กำลังลูบหัวเธออยู่ก่อนจะพยักหน้าอย่างแข็งขัน
"อื้อ! ได้เลย ต่อไปนี้เฟริน เดอเบอโรว์คนนี้จะเป็นเด็กดี ไม่ว่าคาโลจะสั่งให้ทำอะไรก็จะยอมทำตามทุกอย่างเลย!" กล่าวเสียงสดใสพร้อมส่งยิ้มให้จนตาหยี
"จะยอมทำตามทุกอย่างจริงๆหรอ?" กล่าวเสียงเจ้าเล่ห์แล้วเลื่อนมือที่อยู่บนหัวเฟรินลงมาเชยปลายคางมนแทน ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนเฟรินเริ่มหายใจติดขัด เธอรีบดันตัวคาโลออกแล้วล้มตัวลงนอนหันหลังให้ทันที
"นายไปเรียนได้แล้วไป บอกเองไม่ใช่หรอว่าถ้ากินยาเสร็จแล้วให้ฉันรีบพักผ่อนน่ะ"
"ฮ่าๆๆ ก็ได้ๆ งั้นฉันไปล่ะ" พูดกลั้วหัวเราะแล้วจู่ๆก็จู่โจมจุ๊บเข้าที่แก้มนวลแล้วเดินออกไปพร้อมหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีทิ้งให้คนโดนขโมยหอมแก้มนอนบิดตัวเขินไปมาอยู่คนเดียว
"ฮึ่ย! กะจะให้เขินจนตัวระเบิดตายไปเลยรึไงห้ะ อิตาเจ้าชายน้ำแข็งงี่เง่า!"


"คิง ดีหก รุกฆาต!" สิ้นเสียงของเฟรินผู้เดินหมากกระดานเกียรติยศ คาโลในฐานะคิงก็หายตัวไปปรากฏในเขตแดนดีหกทันที คทาหัวลูกแก้วสีดำปักลงบนพื้นดินก่อนจะเริ่มร่ายมนตร์ทำให้พายุหิมะลูกใหญ่ก่อตัวขึ้น พายุเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วไปทางคิงของปราสาทขุนนาง ทำให้เธอไม่ทันได้ตั้งตัวถูกดูดหายเข้าไปในพายุทันที
สัญญาณธงที่ยกขึ้นยอมแพ้จากผู้เดินหมากของฝ่ายปราสาทขุนนางทำให้คาโลหยุดร่ายเวทย์ทันที ร่างขาวซีดที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งของคิงปราสาทขุนนางตกลงบนพื้นดินก่อนจะอันตรธานหายไปด้วยเวทย์ของผู้ใช้เวทย์เพื่อนำตัวไปรักษา เสียงเฮกึกก้องดังลั่นขึ้นประกาศชัยชนะของป้อมอัศวินเรียกร้อยยิ้มขึ้นประดับบนใบหน้าของคิงผู้กำชัย แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆก็มีร่างหนึ่งวิ่งเข้ามากอดอย่างแรงจนรู้สึกจุกหน่อยๆ
"เย้ๆๆๆๆๆ เราชนะแล้ว เราชนะแล้วววววว" กล่าวพร้อมกับกระโดดขึ้นลงทั้งๆที่ยังกอดคาโลไว้แน่นทำให้คาโลต้องหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูก่อนจะโอบแขนรัดร่างเล็กไว้ในอ้อมอกให้แน่นขึ้น
"ยินดีด้วยนะที่เอาชนะปราสาทขุนนางได้สำเร็จ.........เพราะโชคช่วย" เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ทั้งคู่ต้องผละออกจากกันแล้วหันไปหาต้นตอของเสียงก็ปรากฏว่าเป็นปรินซ์อาเธอร์ ออฟซาเรส หัวหน้าปราสาทขุนนางนั่นเอง
"ท่านหมายความว่ายังไงที่ว่าโชคช่วย" เฟรินกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนิดๆ
"เอ๊ะ.......หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องเป็น 'เจ้าชาย' ต่างหากที่ขี่ม้าขาวมาช่วยไว้" กล่าวพร้อมรอยยิ้มยียวนชวนให้คิ้วกระตุก
"ท่านจะพูดอะไรกันแน่ปรินซ์อาเธอร์" เฟรินเริ่มจะควบคุมความหงุดหงิดเอาไว้ไม่อยู่โพล่งถามออกไปเสียงแข็ง
"ก็แค่อยากจะมาเตือน เพราะคราวหน้า เจ้าชายอาจจะขี่ม้าขาวมาช่วยไม่ทันก็ได้นะ" กล่าวจบก็แสยะยิ้มอย่างร้ายกาจแล้วเดินหันหลังกลับไปทันที ทิ้งให้เฟรินที่หัวเสียอย่างหนักแทบพุ่งเข้าไปต่อยแต่ยังดีที่มีคาโลรั้งเอาไว้เสียก่อน
"ปล่อยนะ ฉันจะไปเอาเลือดปากมันออก!"
"ใจเย็นน่าเฟริน หมอนั่นอาจจะแค่แพ้แล้วพาลเลยมายุให้แกหัวเสียเล่นๆ ถ้าแกขืนทำร้ายมันขึ้นมาจริงๆอาจจะโดนปรับแพ้ก็ได้นะ" คิลที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆมาตลอดรีบเข้ามาช่วยคาโลปรามเฟรินไว้อีกแรง
"แต่ฉันสัมผัสได้ว่า อาเธอร์ไม่ได้แค่พูดยั่วโมโหเล่นๆนะ" คาโลเอ่ยขึ้นทำให้ทุกคนต้องหันไปสนใจ
"นายหมายความว่า......."
"เขาอาจจะหมายความตามที่พูดจริงๆ มาร์คัสเป็นแค่ไพ่ใบหนึ่ง ต่อไปเขาอาจจะปล่อยไพ่อะไรออกมาจัดการกับเฟรินอีกก็ได้ ใครจะรู้
"อะไรกัน เขาสั่งให้มาร์คัสมาทำเรื่องชั่วๆแบบนั้นกับฉันเพียงแค่ต้องการให้ปราสาทขุนนางชนะหมากกระดานเกียรติยศหรอ?"
"อาจจะใช่ หรือไม่มันก็อาจจะมีอะไรที่มากกว่าหมากกระดาษเกียรติยศก็ได้........."


ห้องนั่งเล่นรวมของป้อมอัศวินอึกทึกไปด้วยเสียงโหวกเหวกของนักเรียนปีสามที่กำลังฉลองชัยชนะกันอย่างสนุกสนาน อาหารมากมายถูกเหมามาจากโรงอาหารดรากอน แถมครี้ด ธันเดอร์ยังแอบติดสินบนแม่ครัวให้ซื้อสุราและของมึนเมาทั้งหลายแหล่มาให้อีกต่างหาก ดังนั้นสภาพของทุกคนในตอนนี้จึงเละเทะไม่ต่างอะไรกับสภาพของห้องนั่งเล่นเลย
"คุณคิลพอเถอะค่ะ คุณคิลเมาแล้วนะ" เรนอนกล่าวเป็นรอบที่สามพร้อมกับยื้อแก้วเหล้าของคิลไว้
"ใครบอกกัน ฉันยังม่ายมาวววววววว" คิลพูดด้วยเสียงยานคางที่ฟังยังไงก็เป็นเสียงของคนเมาทำเอาเรนอนเหนื่อยใจ
"ยังจะบอกว่าไม่เมาอีก หน้าแดงไปหมดแล้วเห็นมั้ย" กล่าวพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่ผุดซึมบนใบหน้าของคิลให้
"ก็ได้ๆ พอแล้วก็ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณเรนอนพาฉันไปพักที เริ่มรู้สึกมึนๆหัวแล้วเหมือนกัน" พูดจบก็วางแก้วเหล้าลงกับโต๊ะทำให้เรนอนโล่งใจเป็นอย่างมากจึงรีบพยุงให้คิลลุกขึ้นยืนทันที ทุกการกระทำของทั้งคู่ล้วนอยู่ในสายตาอันเฉียบแหลมขอหัวขโมยอย่างเฟรินทั้งสิ้น
"จะไปนอนกันแล้วหรอ" เฟรินถามขึ้นเมื่อทั้งคู่เดินผ่านหน้าเธอพอดี
"ใช่ค่ะคุณเฟริน คุณคิลเมามากแล้ว" คำตอบของเรนอนทำเอาเฟรินประหลาดใจไม่น้อย คนอย่างไอ้คิลเนี่ยนะเมามาก ปกติมันคอแข็งหยั่งกะอะไรดี ไม่มีทางที่กินไปแค่นั้นแล้วจะเมามากแน่ๆ แต่แล้วความสงสัยก็คลี่คลายลงเมื่อไอคิลมันกำลังทำปากขมุบขมิบส่งสัญญาณมาให้เธอยิกๆ เธอจึงถึงบางอ้อรีบพยักหน้าเออออให้เรนอน เรนอนจึงพยุงคิลเดินต่อไป แถมไอคิลยังหันกลับมาพูดขอบคุณแบบไม่มีเสียงแล้วขยิบตาให้เธออีกต่างหาก
"สงสัยคืนนี้นายจะไม่ได้กลับห้องซะแล้วล่ะคาโล" พูดพลางหันไปยิ้มกรุ้มกริ่มให้คาโล
"หืม ทำไมล่ะ? หรือว่า........เธออยากให้ฉันอยู่กับเธอทั้งคืนหรอ?" คำกล่าวที่แหวกไปคนละทางทำเอาเฟรินที่กำลังยกเหล้าขึ้นจิบสำลักออกมาแทบไม่ทัน
"จะบ้าหรอ! เป็นเพราะไอ้คิลต่างหาก! มันแกล้งทำเป็นเมาแล้วให้คุณเรนอนไปส่งที่ห้อง นายคิดว่ามันจะทำไปเพื่ออะไรกันล่ะ"
"อ่อ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าคืนนี้ฉันจะกลับห้องไม่ได้ แล้วห้องของเธอก็จะว่างด้วยสินะ....." กล่าวพลางยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มของเธอก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนทำเอาเธอเริ่มหายใจติดขัด และด้วยความเขินอายเธอจึงรีบผลักอกของคาโลให้ออกห่างจากตัวก่อนจะรีบพูดแก้เขินออกมาเสียงดัง
"นายคิดบ้าอะไรของนายอยู่เนี่ย!"
"อ้าว ฉันก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า ฉันกลับห้องไม่ได้ แล้วห้องเธอก็ว่าง ถ้าไม่ให้ฉันไปนอนห้องเธอจะให้ฉันไปนอนที่ไหนล่ะ หรือจะให้ฉันนอนอยู่กับกองขยะในห้องนั่งเล่นรวมนี่หรอ?"
"ใครจะไปทำอย่างนั้นกับคู่หมั้นตัวเองลงกัน!"
"นั่นไง เห็นมั้ย เพราะฉะนั้นคืนนี้ฉันก็ต้องไปนอนกับเธอก็ถูกแล้ว" กล่าวจบก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีเลศนัยให้ทำเอาเฟรินต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย สาบานสิว่าจะแค่นอนเฉยๆน่ะ โอ๊ย พวกผู้ชายนี่มันหื่นเหมือนกันหมดเลยรึไงนะ! อย่าให้กลับไปเป็นผู้ชายบ้างแล้วกัน!!!!!!!

เรนอนพยุงคิลมาจนถึงห้องของเขา เธอพยายามเปิดประตูด้วยมือข้างเดียวก่อนจะพยุงคิลเข้าไปในห้องอย่างทุลักทุเลโดยไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าคิลใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้โอบคอเธออยู่ปิดประตูลงกลอนเรียบร้อยแล้ว เรนอนพยุงเขาไปจนถึงเตียงก่อนจะพยายามประคองให้คิลนอนลงไปบนเตียงแต่เพราะทรงตัวไม่ดีหรือเพราะแรงฉุดก็ไม่อาจรู้ได้ทำให้ทั้งคู่ล้มลงบนเตียงอย่างแรง แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆคิลก็ผลักเธอให้มาอยู่ใต้ร่างของเขาแล้วกักเธอเอาไว้ในวงแขน นัยน์ตาสีม่วงสวยที่จ้องมายังเธอนั้นไม่เหมือนคนเมาเลยซักนิดแต่มันเหมือนกันคนที่กำลัง.......หิว มากกว่า
"คะ....คุณคิล...จะทำอะไรคะ" ถามออกมาด้วยเสียงสั่นๆอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะสายตาที่เปลี่ยนไปของคนบนร่างมันทำให้เธอขนลุกซู่อย่างบอกไม่ถูก 
"ฉันรักเธอนะ เรนอน....." กล่าวพลางค่อยๆก้มหน้าลงมาหาทำเอาเรนอนต้องดันอกของเขาเอาไว้ทันที
"คุณคิลต้องเมามากแล้วแน่ๆ ปล่อยฉันเถอะค่ะ คุณคิลจะได้พักผ่อน"
"ฉันไม่ได้เมา" เสียงที่หนักแน่นของคิลทำให้เรนอนรู้สึกแปลกใจมากเพราะมันดูเหมือนกับว่าเขาไม่ได้เมาจริงๆอย่างที่พูด ถ้าอย่างนั้นแล้วก่อนหน้านี้ล่ะ?
"ฉันแค่อยากให้คุณเรนอนมาส่ง เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนบ้าง........"
"ฉันรักคุณเรนอน แล้วฉันก็ต้องการคุณเรนอน......"
"เป็นของฉันเถอะนะ....." กล่าวจบก็ค่อยๆก้มลงช้าๆเพื่อรอดูว่าเรนอนจะมีท่าทีปฏิเสธหรือไม่ คิลใจเต้นถี่ขึ้นเมื่อเห็นว่าเรนอนค่อยๆหลับตาลงเพื่อรอรับสัมผัสจากเขา เขาจึงประกบริมฝีปากลงบนริมฝีปากเรียวสวยอย่างแผ่วเบาราวกลับมันเป็นกลีบกุหลาบที่แสนบอบบาง จูบอันอ่อนหวานเริ่มผลันแปรเป็นจูบที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆตามห้วงอารมณ์ของคนทั้งคู่ที่พุ่งขึ้นสูง คืนนี้ทั้งคู่จะเติมเต็มความรักให้แก่กันและเป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์............

หอคอยที่สูงที่สุดของปราสาทขุนนางวันนี้ไร้ซึ่งผู้คน ประกอบกับท้องฟ้าที่มืดมิดไร้ดาวเพราะเป็นคืนเดือนมืดยิ่งทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบยิ่งขึ้นไปอีก แตกต่างกับจิตใจที่ร้อนรุ่มของเขาอย่างลิบลับ เขาทำงานไม่สำเร็จ ท่านพ่อต้องไม่ไว้ใจให้เขาดำเนินการด้วยตัวเองแล้วแน่ๆ
เสียงรอยเท้าที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้เขาต้องหันไปมองก่อนจะพบกับบุคคลที่เขากำลังรอพบอยู่ ทหารส่งข่าวทำความเคารพเขาก่อนจะส่งม้วนกระดาษนำสาส์นจากคิงแห่งซาเรส พ่อของเขามาให้ เขารับมาถือไว้ในมือก่อนจะเปิดอ่านด้วยความกังวล

“แกทำงานพลาด ฉันผิดหวังในตัวแกมาก” แค่ประโยคแรกก็ทำเอาเขาใจเสียแล้ว
“แต่เรื่องที่มันพลาดไปแล้วในอดีตเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขมันได้ เพราะฉะนั้นฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง” ประโยคต่อมาทำให้เขาใจชื้นขึ้นเป็นกองจึงรีบอ่านต่อทันที
“เป้าหมายของเรามีความแข็งแกร่งมากก็จริงแต่มันก็มีจุดอ่อนที่สำคัญมากเหมือนกันอย่างที่แกก็รู้ดีถึงได้พยายามใช้จุดอ่อนนั่นจัดการกับมันแต่ก็ล้มเหลวเพราะแผนการที่หละหลวมมากเกินไป แต่ครั้งนี้เราจะต้องทำสำเร็จเพราะทุกอย่างถูกเตรียมการไว้หมดแล้วเหลือเพียงรอให้ถึงเวลาที่จะลงมือเท่านั้น”
“เวลาที่ว่าคืองานแต่งตั้งเจ้าชายรัชทายาทของคาโนวาล มันเป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะทำให้เราสามารถเข้าถึงตัวคาโลและจัดการกับเขาได้ง่ายที่สุด ในขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับงานแต่งตั้งจะเป็นช่องโหว่อย่างดีให้เราลงมือได้ แต่เราจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด  เพราะครั้งนี้หากเราพลาดนั่นอาจจะหมายถึงชีวิตและชะตากรรมของประเทศเราที่จะต้องตกอยู่ในอันตรายแทน”
“งานนี้หากเจ้าทำสำเร็จนอกจากซาเรสที่เจ้าจะได้ไปครอบครองแล้ว ทั่วทั้งเอเดน หรือแม้แต่เดมอสก็ต้องยอมมาสยบแทบเท้าเจ้า ฉะนั้นทำให้ดี ห้ามพลาดเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด”
เนื้อความในจดหมายจบลงแต่เพียงเท่านี้ มันจุดประกายความหวังให้โชติช่วงขึ้นในจิตใจของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจะทำให้แน่ใจว่าท่านพ่อจะไม่ผิดหวังในตัวเขาเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน เขาทำการจุดไฟเผาม้วนกระดาษจนไหม้เกือบหมดก่อนจะทิ้งเศษกระดาษที่เหลือลงบนพื้นแล้วขยี้ให้เป็นผุยผงด้วยส้นรองเท้า
“ฝากกลับไปบอกท่านพ่อด้วยว่าวางใจได้ ครั้งนี้งานต้องสำเร็จแน่นอน ฉันสาบานด้วยเกียรติของปรินซ์อาเธอร์ บริสตัน เจ้าชายใจสิงห์แห่งซาเรสเลย!


ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนานเลย พอดีเพิ่งจะสอบเสร็จก็รีบมาอัพให้ได้อ่านกันเลย ต่อไปเนื้อเรื่องจะเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้ว อย่าลืมติดตามตอนต่อไปกันนะคะ จะมาอัพให้อ่านต่อกันเร็วๆนี้แน่นอน สุดท้ายนี้อย่าลืมคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นหรือให้กำลังใจกันนะคะ ^^







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น