ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ทวิตเตอร์ @Bam_Bam1A
"พี่หญิง ตื่นเถอะค่ะ งานจะเริ่มในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้แล้วนะคะพี่หญิง" วิเวียนเขย่าตัวพี่หญิงของเธอเบาๆเป็นการปลุก
"งือออออออออ ยุ่งน่าาาาคาโลลล ฉันบอกว่าไม่เอาแล้วไงงง ฉันจะนอนนนน" เจ้าคนขี้เซางัวเงียพูดทั้งที่ยังไม่ลืมหูลืมตาด้วยความง่วงจัดแล้วปัดมือที่คิดว่าเป็นของคาโลออกจากตัวพร้อมกับพลิกตัวหันไปอีกด้านหวังจะนอนต่อแต่ก็ต้องร้องโอ๊ยขึ้นมาทันทีเมื่อความเจ็บปวดที่ช่วงล่างแล่นริ้วขึ้นมาโจมตีจนตื่นเต็มตา พอหันหน้ามาดูก็พบว่าคนที่มาปลุกไม่ใช่เจ้าชายตัวต้นเหตุแห่งความเจ็บปวดแต่เป็นวิเวียนต่างหาก พลันแก้มขาวก็ขึ้นสีระเรื่อเมื่อตระหนักได้ว่าเมื่อกี๊เผลอพูดอะไรไปบ้าง
"พี่หญิงเป็นอะไรรึเปล่าคะ แล้วเมื่อกี๊พี่หญิงพูดว่าไม่เอาแล้วอะไรคะ แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้าชายคาโล" วิเวียนถามด้วยความงุนงงเพราะพี่หญิงของเธอเอาแต่ทำท่าทางแปลกๆตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
"เอ่อ.....ก็เมื่อคืนน่ะสิ คาโลมันชวนพี่เล่นหมากรุกอยู่นั่นแหละ บอกว่าไม่เอาๆก็ไม่ยอม! แถมรุกซะแรงทั้งๆที่บอกว่าจะอ่อนโยนแท้ๆ!" ประโยคหลังเฟรินพึมพำอยู่คนเดียวทำให้วิเวียนต้องถามซ้ำเพราะได้ยินไม่ถนัด
"พี่หญิงพูดว่าอะไรนะคะหญิงฟังไม่ถนัด แล้วนั่นรอยอะไรที่คอคะพี่หญิง" กล่าวจบก็ทำท่าจะยื่นมือมาจับที่บริเวณคอขาวของเฟรินทันทีแต่พี่หญิงของเธอกลับมือไวกว่ารีบคว้าคอเสื้อขึ้นมาปกปิด พลันสมองอันชาญฉลาดของหัวขโมยเจ้าเล่ห์ก็นึกอะไรสนุกๆออกทำให้ต้องยิ้มออกมาพร้อมแววตาพราวระยับ
"ขยับเข้ามาใกล้ๆสิ พี่จะบอกอะไรให้"
"อะไรหรือคะ?" ถึงแม้จะยังงุนงงว่าพี่หญิงของเธอกำลังจะบอกอะไรกันแน่แต่วิเวียนก็ยอมขยับเข้าไปใกล้แต่โดยดี
"รอยนี้น่ะ มันเอาไว้แสดงความรัก ถ้ารักใครก็ให้ทำรอยนี้แก่คนนั้น"
"จริงหรือคะ ถ้าอย่างนั้นรอยที่คอของพี่หญิง ก็แสดงว่าเจ้าชายคาโลเป็นคนทำสินะคะ"คำกล่าวของวิเวียนเรียกให้เลือดสูบฉีดขึ้นที่แก้มของคนเจ้าเล่ห์ได้เป็นอย่างดี แต่คนเจ้าเล่ห์ก็ยังมิวายวางกับดักให้ผู้อ่อนประสบการณ์หลงกล
"แล้ววิเวียนไม่อยากให้เจ้าชายโรเวนทำให้บ้างหรอ" คำกล่าวของพี่หญิงเรียกความเขินอายให้บังเกิดแก่เจ้าหญิงคนงามได้ดียิ่งนัก แต่ถึงกระนั้นเสียงเรียกร้องจะก้นบึ้งของหัวใจก็มีมากยิ่งกว่าทำให้ต้องพยักหน้าลงอย่างขวยเขิน
"แต่ท่านพี่จะอยากทำให้หญิงหรือคะ" เจ้าหญิงพระองค์น้อยกล่าวอย่างไม่แน่ใจเพราะความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในตอนนี้ยังไม่แน่นอนนัก ถึงแม้ตอนนี้ฐานะของเธอจะไม่เป็นอุปสรรคต่อความรักของทั้งคู่แล้วก็ตาม แต่จิตใจของเจ้าชายโรเวน ใครจะรู้ได้
พระพักตร์เศร้าหมองของน้องหญิงเรียกให้พี่หญิงของเธออดเอ็นดูไม่ได้ วิเวียนอาจจะยังไม่รู้อะไรแต่ตอนนี้คนทั้งป้อมอัศวินรู้กันหมดแล้ว เพราะที่ทั้งป้อมแห่กันมาเวนอลในครานี้ไม่เพียงมาร่วมแสดงความยินดีแก่จักรพรรดิพระองค์ใหม่แต่ยังมาร่วมเป็นสักขีพยานในงานสำคัญของเจ้าชายโรเวนแห่งเจมิไน ผู้รักษากฏแห่งป้อมอัศวินอีกด้วย งานนี้เจ้าชายโรเวนขอไว้ว่าต้องเก็บให้ไปความลับจากเจ้าาหญิงวิเวียนนานีย่าเพราะอยากจะให้เจ้าหญิงประหลาดใจ แต่เห็นแก่ความเป็นพี่น้องจะขอช่วยให้น้องหญิงคนสวยคลายความกังวลสักนิดก็แล้วกัน
"เชื่อพี่สิ ทำตามที่พี่บอก รับรองเจ้าชายโรเวนต้องอยากทำแน่" รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของพี่หญิงถึงแม้จะทำให้วิเวียนรู้สึกแปลกๆอยู่หน่อยๆแต่ก็อดที่จะคล้อยตามไม่ได้ เพราะเธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าชายโรเวนจะยังรักเธออยู่หรือไม่จึงชะโงกหน้าเข้าไปหาพี่หญิงของเธอที่กวักมือยิกๆ สดับฟังคำสอนของพี่หญิงที่จะช่วยทำให้เจ้าชายโรเวนเผยความในใจออกมา
ร่างสง่างามของเจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะปริ๊สเซสออฟบารามอสในชุดกระโปรงยาวสีครีมทอดิ้นทองเป็นลวดลายงดงามที่กำลังก้าวลงมาจากบันไดเรียกความสนใจของเหล่าบรรดาแขกเหรื่อในงานได้ดียิ่งนัก สายตาทุกคู่จ้องค้างมายังเจ้าหญิงคนงามราวต้องมนตร์สะกด โดยเฉพาะสายตาของเจ้าชายคาโล วาเนบลี เดอะปรินซ์ออฟคาโนวาลที่จ้องมองมาอย่างหลงใหล นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างแสดงความเป็นเจ้าของออกมาอย่างปิดไม่มิดเรียกให้เจ้าของร่างเพรียวระหงต้องก้มหน้าลงหลบสายตาด้วยความเขินอายก่อนจะรีบเดินลงจากบันไดให้เร็วที่สุดเพื่อให้หลุดพ้นจากการเป็นจุดสนใจ แต่แล้วก็ต้องสะดุดขาตัวเองเกือบล้มหน้าคว่ำเพราะไอ้รองเท้าส้นสูงที่ไม่เคยคิดจะใส่แต่กลับถูกน้องหญิงคนสวยบังคับให้ใส่เพราะอ้างว่านี่เป็นพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์ทุกคนจะต้องแต่งตัวให้ถูกต้องสมฐานะของตนเองที่สุด เจ้าหัวขโมยที่บัดนี้มีฐานะเป็นถึงเจ้าหญิงแห่งบารามอสและเดมอสจึงต้องจำใจใส่ชุดหรูหราสมฐานะนี่แล้วมาเดินสะดุดหน้าคะมำลงไปจูบพื้น แต่ยังดีที่มีอ้อมกอดของว่าที่จักรพรรดิแห่งเวนอลที่อยู่ใกล้ที่สุดมารับไว้ได้เสียก่อนเธอจึงไม่ต้องกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าผู้คนมากมาย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของทุกคนในที่นั้นรวมถึงสายตาของเจ้าชายน้ำแข็งที่ส่องประกายวาววับด้วยความโกรธและสายตาของข้าราชบริภารรวมทั้งขุนนางของเวนอลทั้งหลาย เฟรินผละตัวออกจากอ้อมกอดของโรแล้วกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินตรงไปยังเจ้าชายคาโลที่ใจชื้นขึ้นมาหน่อยว่าแม่ตัวดียังเห็นความสำคัญของเขาจึงขยับรอยยิ้มออกมาแต่ก็ต้องยิ้มค้างเพราะแม่ตัวดีของเขากลับเดินเลยผ่านไปยังเจ้าชายโรเวนที่อยู่ข้างหลังเสียได้
เจ้าหญิงคนงามยกมือขึ้นป้องปากแล้วชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบที่ใบหูของเจ้าชายโรเวนก่อนทั้งคู่จะเดินผละออกจากโถงใหญ่ไปยังทางเดินที่อยู่อีกด้านทิ้งให้เจ้าชายคาโลที่อยู่เบื้องหลังมองตามด้วยความไม่พอใจ
เฟรินเดินนำเจ้าชายโรเวนมายังห้องรับรองแขกที่มีเจ้าหญิงวิเวียนนานีย่ารออยู่ข้างในก่อนจะเคาะประตูสามครั้งแล้วเปิดเข้าไปทันที เธอผายมือเพื่อให้โรเวนเดินเข้าไปข้างในก่อนที่จะปิดประตูตามหลังแล้วเดินกลับออกมาอย่างอารมณ์ดีโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหลังบานประตูอีกบานที่อยู่ติดๆกันมีใครบางคนดักซุ่มรออยู่
"เห้ยยยย" เฟรินร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อถูกกระชากเข้าไปในห้อง บานประตูถูกปิดล็อคทันทีตามมาด้วยร่างของเจ้าชายคาโลที่ดันตัวของเธอกระแทกกำแพง วงแขนแกร่งยกขึ้นเท้ากำแพงทั้งสองข้างเพื่อกักตัวเธอเอาไว้ นัยน์ตาสีฟ้าในตอนนี้แข็งกร้าวจนเฟรินรู้สึกเสียวสันหลังวาบจึงไม่กล้าโวยวายอะไรออกมาได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆในวงแขนของคนตัวสูง
"เธอไปทำอะไรกับโรเวนมา" เสียงเย็นเยียบที่ดังขึ้นทำให้เฟรินถึงบางอ้อ ที่แท้ไอ้ที่ทำท่าทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันนี่ก็คงจะเพราะพิษลมหึงตีขึ้นหน้าล่ะสิท่า
"ก็พาโรเวนไปขึ้นสวรรค์น่ะสิถามได้" คำตอบของคนช่างยั่วเรียกให้คนเข้าใจผิดโกรธจนเดือดปุด มือแกร่งบีบเข้าที่ไหล่มนของร่างบางจนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดก่อนจะรีบอธิบายเพิ่มเติม
"ฉันหมายถึง ฉันพาโรเวนไปหาวิเวียนเพื่อให้พวกเขาได้ปรับความเข้าใจกัน แล้วถ้าปรับความเข้าใจกันได้ ไม่แน่ก็อาจได้ขึ้นสวรรค์ไง" คำอธิบายของเฟรินทำให้คาโลใจเย็นลงได้ มือแกร่งค่อยๆคลายออกก่อนจะถอนหายใจแรง
"ก็แล้วทำไมไม่พูดให้ชัดตั้งแต่แรก ปล่อยให้ฉัน......"
"หึงงั้นหรอ" แม่หัวขโมยตัวดีไม่รอให้คาโลพูดจบแต่กลับพูดดักขึ้นมาอย่างรู้ทันแล้วหัวเราะร่าแต่แล้วก็ต้องสะดุดกึกเมื่อคนที่ควรจะเขินอายกลับตอบรับหน้าตาเฉย แล้วคนล้อกลับต้องเขินอายแทนเพราะคำพูดตรงไปตรงมา
"ใช่ หึง หึงมากด้วย แล้วเธอก็ไม่มีสิทธิจะไปขึ้นสวรรค์กับใครทั้งนั้นนอกจากฉันคนเดียว เข้าใจไหมเฟริน เดอเบอโรว์"กล่าวจบก็ค่อยๆโน้มใบหน้าลงมาหาหญิงสาวในวงแขนจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ริมฝีปากหยักกำลังจะประทับลงบนริมฝีปากอิ่มแต่ก็ต่องชะงักลงเสียก่อนเมื่อเจ้าของเรียวปากอิ่มเอ่ยขัดขึ้นมา
"นายได้ยินนั่นมั้ย! ห้องนู้นเค้าพูดอะไรกันน่ะ!" คนที่กำลังคิดหางทางเอาตัวรอดรีบผลักเจ้าชายน้ำแข็งออกก่อนจะทำทีเป็นหันหน้าแนบใบหูกับกำแพงเพื่อแอบฟังห้องข้างๆเรียกรอยยิ้มให้ขึ้นประดับบนริมฝีปากของร่างสูงด้วยความเอ็นดู
ด้านโรเวนที่ถูกเจ้าหัวขโมยหลอกให้ตามมาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าคนที่รออยู่ในห้องกลับไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเจ้าหญิงวิเวียนนานีย่า(ว่าที่)คู่หมั้นของเขานี่เอง
เจ้าหญิงพระองค์น้อยยืนหันหลังให้กับเจ้าชายโรเวน ใจเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นเมื่อสุรเสียงทุ้มนุ่มของเจ้าชายอันเป็นที่รักกล่าวขึ้นทำลายความเงียบ
"เห็นเฟรินบอกว่า มีบางคนอยากพบพี่ ที่แท้ก็เป็นน้องหญิงนี่เอง มีอะไรจะพูดกับพี่หรือ" สรรพนามอันคุ้นเคยที่ไม่ได้ยินมาเนิ่นนานที่เจ้าชายโรเวนใช้เรียกแทนตนทำให้วิเวียนรู้สึกใจชื้นขึ้นเป็นกอง ร่างเล็กรวบรวมลมหายใจเข้าก่อนจะเอ่ยตามที่พี่หญิงของเธอได้สอนมา
"เจ้าพี่ ยังจำที่เจ้าชายอาเธอร์สัญญาเอาไว้กับหม่อมฉันแทนพระองค์ได้มั้ยคะ ว่าจะหมั้นกับหม่อมฉัน"
เสียงหวานที่เอื้อนเอ่ยขึ้นทำให้เจ้าชายโรเวนพยักหน้ารับคำว่าจำได้ก่อนจะส่งสายตาเป็นนัยให้เอ่ยต่อ
"หญิงแค่อยากจะทราบว่า เจ้าพี่ยังเต็มใจที่จะหมั้นกับหญิงอยู่หรือเปล่า และถ้า....ถ้าหากเจ้าพี่ไม่เต็มใจหรือไม่ได้รักหม่อมฉันแล้ว หม่อมฉันจะได้ตัดใจและจะไม่ขอพูดถึงเรื่องหมั้นหมายอีก หม่อมฉันจะถือเสียว่าเราไม่เคยรู้จักกัน....." กล่าวจบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ขอบตาร้อนผ่าวจนรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่จะรินไหลทำให้ต้องรีบก้มหน้าลงเพื่อหลบให้พ้นสายตาของคนเป็นพี่ทันที
การกระทำของหญิงสาวเรียกให้ใจของเจ้าชายโรเวนอ่อนยวบ เขาคงจะใจร้ายกับน้องหญิงมากเกินไปจึงทำให้เธอรู้สึกกังวลและไม่แน่ใจขนาดนี้ มือใหญ่ค่อยๆเชยพระพักตร์งามขึ้นสบกับนัยน์ตาสีเขียวที่คลอไปด้วยน้ำใสๆ ดวงตาสีน้ำเงินพยายามสื่อความจริงใจออกมาให้ถึงใจของคนมองพร้อมกล่าวอย่างอ่อนโยน
"พี่อยากจะบอกว่า ความรู้สึกที่พี่มีต่อหญิงไม่เคยเปลี่ยนไปเลยไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน และขอให้มั่นใจได้ว่าทุกการกระทำนับจากนี้เป็นต้นไป พี่ทำออกมาจากใจและไม่มีใครบังคับพี่ทั้งนั้น" กล่าวจบก็ค่อยๆโน้มใบหน้าลงประทับริมฝีปากแผ่วเบากับริมฝีปากสวยแดงระเรื่อก่อนจะค่อยๆผละออกมา
"เจ้าพี่บอกว่าความรู้สึกที่มีต่อหญิงไม่เคยเปลี่ยนไป ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเจ้าพี่ก็ไม่เคยรักหญิงเลยสิคะ เพราะเจ้าพี่ไม่เห็นจะสร้างรอยแสดงความรักให้หญิงด้วยซ้ำ" คำกล่าวราวตัดพ้อของเจ้าหญิงคนงามสร้างความฉงนให้แก่เจ้าชายคนเก่งยิ่งนัก
"สร้างรอยแสดงความรักอย่างนั้นหรือ? น้องหญิงหมายความว่ายังไง?"
"อ้าว ก็รอยแสดงความรักที่คอยังไงละคะ ก็พี่หญิงบอกว่าถ้ารักใครก็ให้สร้างรอยแสดงความรักเอาไว้ ขนาดที่คอพี่หญิงยังมีรอยของเจ้าชายคาโลเลย" คำอธิบายจากเจ้าหญิงผู้ใสซื่อทำให้เจ้าชายแห่งเจมิไนต้องกุมขมับ ก่อนจะคาดโทษเจ้าตัวดีที่ริอาจมาสอนอะไรไม่เข้าท่าให้น้องหญิงของเขา แต่ท่าทางของเจ้าชายคนเก่งกลับทำให้เจ้าหญิงคนงามเข้าใจผิดไปมากโขเมื่อวิเวียนเริ่มทำหน้าเศร้าก่อนจะเอ่ยตัดพ้ออีก
"ถ้าเจ้าพี่ไม่อยากทำหญิงก็เข้าใจค่ะ เจ้าพี่คงไม่ได้รักหญิงมากพอ....." เสียงตัดพ้ออันเศร้าสร้อยของเจ้าหญิงพระองค์น้อยทำให้โรเวนอดที่จะใจอ่อนไม่ได้ เขาค่อยๆประคองใบหน้าเล็กขึ้นมาเพื่อรับจูบอันอ่อนโยน ริมฝีปากอุ่นไล้เลียลงไปเรื่อยๆยังซอกคอหอมกรุ่นก่อนจะดูดเม้มประทับรอยเอาไว้จนคอขาวๆขึ้นสี
"จะบอกให้ว่าที่จริงแล้วรอยนี้น่ะมีเอาไว้ประทับแสดงความเป็นเจ้าของเพื่อแสดงว่าคนๆนั้นเป็นของเราแล้วต่างหาก ไม่ใช่ว่านึกอยากจะทำก็ทำ แต่ที่พี่ทำก็เพราะกลัวว่าน้องจะคิดว่าพี่ไม่รักหรอกนะ แล้วทีหลังน่ะ ก็อย่าไปฟังพี่หญิงของน้องให้มากนัก รู้มั้ย" คำอธิบายของคนเป็นพี่เรียกให้แก้มใสขึ้นสีแดงปลั่งทันทีเมื่อรู้ความหมายที่แท้จริงของรอยนี่ พี่หญิงนะพี่หญิงมาหลอกกันได้ แล้วนี่เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน
"พิธีการจะเริ่มแล้ว เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทัน" มือใหญ่กุมมือเล็กเอาไว้แล้วพาเดินออกจากห้องไป
"บัดนี้ พิธีการสถาปนาจักรพรรดิพระองค์ใหม่ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ขอถวายบังคมจักรพรรดิวิลเลียมที่สี่แห่งเวนอล ขอจงทรงพระเจริญ!!" สิ้นเสียงของอำมาตย์ใหญ่ประจำราชสำนัก ทุกคนในปะรำพิธีก็พากันแซ่ซ้องถวายพระพรแก่จักรพรรดิองค์ใหม่จนเสียงดังกึกก้องไปทั่ว
"และเนื่องในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ หม่อมฉันใคร่อยากจะให้ฝ่าบาทแต่งตั้งพระคู่หมั้นคู่บารมีเสียเลย ฝ่าบาททรงคิดเห็นว่าอย่างไรพะยะค่ะ" เสียงอำมาตย์คนเดิมกล่าวขึ้นเรียกความงุนงงให้แก่โร เซวาเรสยิ่งนัก
"คู่หมั้นอย่างนั้นหรือ ท่านหมายถึงใครน่ะท่านอำมาตย์"
"ก็เจ้าหญิงเฟลิโอนา เกรดเดเวล เดอะปริ๊นเซสออฟบารามอสยังไงล่ะพะยะค่ะ พวกหม่อมฉันเห็นว่าฝ่าบาททั้งคู่เหมาะสมกันยิ่งนักจึงอยากจะให้จัดพิธีหมั้นทีเดียวเสียเลย" สิ้นเสียงของท่าอำมาตย์ใหญ่ก็มีเสียงสนับสนุนดังขึ้นจากขุนนางและข้าราชบริพารของเวนอลมากมาย ตลอดหลายวันที่ผ่านมาทุกคนได้เห็นถึงความสนิทสนมของโรและเฟรินรวมไปถึงเหตุการณ์ตอนที่เฟรินตกบันไดก็ยิ่งทำให้เข้าใจว่าทั้งคู่ต้องเป็นคนรักกันเป็นแน่แท้ แต่หารู้ไม่ว่าข้อเสนอของท่านอำมาตย์ทำเอาจักรพรรดิพระองค์ใหม่ต้องกลืนน้ำลายเอื๊อกเพราะรู้ๆกันอยู่ว่าคนที่อยากให้เป็นคู่หมั้นกันนักน่ะมีเจ้าของแล้ว แถมเจ้าของยังหวงมากเสียด้วย
"คงจะไม่ได้หรอก" เสียงเย็นเยียบที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนเงียบกริบไปในทันที กลิ่นอายรังสีความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากเจ้าชายแห่งคาโนวาลทำให้ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว แต่ท่านอำมาตย์ใหญ่ก็ยังไม่วายทำใจกล้าถามขึ้นด้วยเสียงที่พยายามไม่ให้สั่น
"ทำไมล่ะ ท่านมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือเจ้าชายคาโล"
"ใช่ ปัญหามันอยู่ที่เจ้าหญิงเฟลิโอน่าเป็นคู่หมั้นของฉันน่ะสิ" ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวจัดการดึงเจ้าหญิงแห่งบารามอสมาไว้ในอ้อมแขนประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเต็มที่ทำให้ทุกคนอึ้งไปตามๆกันก่อนจักรพรรดิวิลเลียมจะรีบแก้ไขสถานการณ์ด้วยการขอโทษในความเข้าใจผิดของเหล่าขุนนางและพาเข้าเรื่องอื่น
"เนื่องจากฉันยังต้องศึกษาต่อที่โรงเรียนพระราชาแห่งเอดินเบิร์ก ดังนั้นฉันจะขอแต่งตั้งให้เจ้าหญิงวิเวียนนานีย่าดำรงตำแหน่งรักษาการณ์จักรพรรดิแทนฉันไปก่อน แล้วก็.......เจ้าชายอาเธอร์ ท่านมีบางอย่างจะประกาศมิใช่หรือ?"
เจ้าชายใจสิงห์แห่งซาเรสก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมม้วนกระดาษแผ่นใหญ่ดูเป็นทางการ เขาค่อยๆคลี่กระดาษออกก่อนจะอ่านข้อความในกระดาษเสียงดังฟังชัดให้ทุกคนในที่นี้ได้ยินโดยทั่วกัน
"เนื่องด้วยในครั้งที่เจ้าหญิงวิเวียนนานียาได้ช่วยชีวิตของคณะเดินทางที่ต้องพาคฑาแห่งนักรบไปซ่อมในเดมอสไว้ โดยมีข้า เจ้าชายอาเธอร์แห่งซาเรสเป็นผู้รับปากว่าจะจัดการให้เจ้าหญิงวิเวียนนานีย่าแห่งเวนอล และเจ้าชายโรเวนแห่งเจมิไนได้ลงเอยกันด้วยดี ในวันนี้ ข้าในฐานะผู้แทนเจ้าชายโรเวนจึงใคร่อยากจะสู่ขอเจ้าหญิงวิเวียนนานียาจากจักรพรรดิวิลเลียมที่สี่แห่งเวนอลให้หมั้นกับเจ้าชายโรเวนแห่งเจมิไนตามที่ได้สัญญาไว้ ขอโปรดทรงอนุญาต" กล่าวจบก็ม้วนกระดาษเก็บไว้ดังเดิมและก้าวถอยหลังไปเพื่อรอฟังคำตอบจากองค์จักรพรรดิ
"วิเวียน เจ้าพอใจที่จะหมั้นกับเจ้าชายโรเวนหรือไม่"
"เพคะ ท่านพี่"
"ถ้าอย่างนั้น ข้าขอถามอะไรอย่างหนึ่ง เจ้าชายโรเวน ท่านสัญญากับข้าได้หรือไม่ว่าจะรักและถนอมเจ้าหญิงวิเวียนนานียาดังชีวิตของท่าน" จักรพรรดิวิเวียมตรัสถามไปยังเจ้าชายโรเวนทำให้เจ้าชายต้องก้าวออกมาข้างหน้าแล้วตอบรับด้วยเสียงหนักแน่น
"กระหม่อมสัญญาว่าจะรักและถนอมเจ้าหญิงวิเวียนนานียาให้ยิ่งกว่าชีวิตของกระหม่อมพะยะค่ะ"
"ถ้าเช่นนั้น ข้อขอยกเจ้าหญิงวิเวียนนานียาให้แก่เจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ดแห่งเจมิไน" เมื่อสิ้นเสียงขององค์จักรพรรดิ เจ้าชายโรเวนก็ก้าวเข้าไปหาวิเวียนแล้วค่อยๆคุกเข่าลง มือขวาถือแหวนเพชรวงงาม มือซ้ายเอื้อมเข้าไปจับมือเรียวของเจ้าหญิงวิเวียนนานียาขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถ้อยคำหวานซึ้ง
"วิเวียนนานียา แต่งงานกับพี่นะ พี่สัญญาว่าจะไม่มีวันทำให้น้องเสียใจอีก"
เจ้าหญิงคนงามพยักหน้าลงด้วยความปลื้มปริ่ม เจ้าชายโรเวนค่อยๆสวมแหวนเพชรลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าหญิงก่อนจะค่อยๆก้มลงจุมพิตลงบนมือเรียว เสียงปรบมือดังมาจากทั่วทุกสารทิศตามมาด้วยเสียงโห่ร้องของพลพรรคชาวป้อมอัศวินที่ต้นเสียงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าหญิงเฟลิโอน่าแห่งบารามอสที่ส่งเสียงเชียร์ดังกว่าใครและปรบมือจนมือแทบแตก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น